วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2566

รีวิวฉากประทับใจเริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 4 (มีสปอยล์ค่า)

 




รีวิว  เริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 4

ผู้แต่ง WU ZHE

ผู้แปล โหมวโหม่ว

ผู้วาด Mocon

สำนักพิมพ์ Lavender Publishing

ความเดิมเริ่มใหม่กับนายคงไม่เลวร้ายนัก เล่ม 3

         เจี่ยงเฉิง เริ่มรู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ในเมืองเก่าแห่งนี้ โดยมีตัวตนของกู้เฟยอยู่เคียงข้างอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหัวเราะของเพื่อนรอบตัวเองก็เริ่มดึงเขาสู่ตัวตนเดิม จนกระทั่งสายเรียกเข้าของอดีตคนที่คิดว่าเป็น ‘แม่’ โทรมาเล่าเรื่องพ่อที่แท้จริงของเขาโทรไปยืมเงินอีกฝ่ายโดยอ้างว่าเป็นค่าเลี้ยงดู ‘เขา’ ให้ฟัง อารมณ์ที่ดีของเจี่ยงเฉิงพลันแตกสลายไปในพริบตา กู้เฟยกลับเข้าใจเขาเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายจึงพาเจี่ยงเฉิงไปที่ลับของแก๊งเขา และอยู่พูดคุยกับเจี่ยงเฉิงทั้งคืน…ใครจะคิดว่าพวกเขาจะข้ามเส้น ‘เพื่อนร่วมโต๊ะ’ กันที่นี่…ยามเช้ามาเยือนอิทธิพลแอลกอฮอล์บาง ๆ ที่เสริมความวู่วามเลือนหาย แม้เจี่ยงเฉิงจะอยากระเหิดไปในอากาศ แต่กู้เฟยเข้าใจเขาพอที่จะทำตัวปกติ ทว่าในความปกติ ความรู้สึกใกล้ชิดก็ก่อตัวขึ้นเกินกว่าเพื่อนร่วมโต๊ะต่างปิดบังกันและกันไม่ได้ ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปยังคงไม่ชัดเจน แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเขากับหลี่เป่ากั๋วกระจ่างแล้วว่าไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เจี่ยงเฉิงก้าวออกมาจากห้อง ๆ นั้น พร้อมยื่นคำขาดว่าต่อจากนี้ เขาเป็นเด็กกำพร้า ในจังหวะชีวิตที่สับสนวุ่นวาย กู้เฟยยังคงเป็นคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ความรู้สึกอุ่นใจนี้ทำให้ความไม่ชัดเจนในความรู้สึกที่มีพผลักดันให้เจี่ยงเฉิงอยากลองก้าวออกไปยังโลกของอีกฝ่ายมากขึ้น …แท้จริงแล้วตัวตนอันธพาลน้อยที่ไม่มีใครกล้ายุ่งแห่งนี้เป็นอย่างไรกัน?


    ขอคัดฉากประทับใจในเล่มมาพิมพ์ไว้นะคะ แบบว่า ดีมากจริง ๆ ค่ะ 💖


    มีสปอยล์เนื้อเรื่องนะคะะ ใครยังไม่อ่านไว้แวะมาหวีดฉากด้วยกันอีกทีได้ค่ะ 😀💓


    เริ่มเลยเนอะคะะ


“วันนี้มองฉันเกินไปหน่อยหรือเปล่าคุณแฟน”

“ทำนายไม่มองฉัน”

“ฉันชอบให้นายมองฉันแบบนี้แหละ”

“ทำไมล่ะ” เจี่ยงเฉิงฟุบลงกับโต๊ะพร้อมถามเสียงเบา

“สบายใจ”

ฉันอยากวิ่งโลดแล่นอย่างอิสระในสายตาของเธอ ฉันอยากนั่งมองเผลอเพียงอึดใจก็ถึงยามแก่เฒ่า

 

กู้เฟยความจริงก็เป็นคนที่ต้องการความรักมาก ๆ คนหนึ่งเลยนะคะ ชอบอยู่ในสายตา ชอบให้ชื่นชม ขณะเดียวกัน ก็โอบกอดคนที่เขาต้องการปกป้องเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างดี ส่วนเฮียเฉิงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคนที่รักมาก ๆ คนหนึ่งจริง ๆ ค่ะ รักแบบมองเห็นทุกข้อดี และทั้งคู่ต่างก็แบบ แค่มีนายอยู่ตรงนี้ก็สุขใจแล้ว //ซึ่งง



“กู้เฟย”

“หืม ?

“ขอกอดหน่อย” เจี่ยงเฉิงพูด “ทำไมฉันรู้สึกกลัวนิด ๆ นะ”

“มาแล้ว” กู้เฟยหัวเราะแล้วล้มนอนข้าง ๆ พลางยื่นแขนมาสวมกอดและลูบศีรษะเขาไปด้วย

“โอ๋ ๆ นะอย่ากลัวไป”

 

ถ้าเจี่ยงเฉิงพร้อมลุยทุกปัญหาไปข้างหน้า ซึ่งปกติต่อให้หวาดกลัวเขาก็ไม่มีหลุมหลบภัยเป็นของตัวเอง กู้เฟยก็ยังเข้ามาทำหน้าที่ตรงจุดนั้นให้ค่ะ เขารู้ว่าแฟนของเขาอยากลุยออกไปรูปแบบไหน เขาเป็นเพียงคนให้คำแนะนำและสนับสนุนอยู่ด้านหลังเสมอ เฮ้ออออ



“นี่บางครั้งฉันก็อยากจับแก้มนายแล้วขยำไปขยำมาแรง ๆ นะ บางครั้งเห็นใครก็อยากจับตัวมาแล้วถามว่ารู้จักกู้เฟยไหม รู้รึเปล่าเขาไม่เป็นอย่างที่นายคิดน่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ มีแต่ฉันที่ได้เห็นนะ”

“ความจริงฉันก็อยากทำแบบนี้เหมือนกัน” กู้เฟยพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “ไม่มีใครรู้ว่าคนสอบได้ที่หนึ่งของชั้นลับหลังเป็นคนยังไง มีแค่ฉันที่รู้”

“อีกอย่างน่ะ พูดไม่ถูก ฉันไม่ได้อยากให้คนอื่นคิดว่านายเป็นแค่ลูกพี่ใหญ่สุดเจ๋งคนนึง ทั้งที่นายยอดเยี่ยมมากฉันดูปัญหาอ่อนดีใช่ไหมล่ะ” เจี่ยงเฉิงถอนใจ “เมื่อก่อนฉันไม่ได้เป็นแบบนี้ นายต้องจำข้อนี้ให้ดี ๆ”

ทั้งที่ยอดเยี่ยมมากแท้ ๆ กู้เฟยไม่ได้พูดอะไรอีก

มันอาจคล้ายที่เขารู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่เห็นมุมมองใหม่ ๆ จากตัวเจี่ยงเฉิง เจี่ยงเฉิงเองก็คงคิดเหมือนกัน

แต่บางครั้งเขาก็ไม่อยากคิดมาก ทุกครั้งที่ได้เห็นมุมใหม่เพิ่มขึ้นอีกนิด ก็จะรู้สึกมากขึ้นอีกหน่อย และมันทำให้เขารู้สึกเหมือนห่างเหินยิ่งกว่าเดิม จะยิ่งคิดว่าคนแบบนี้ไม่ควรเปล่งประกายอยู่ในบ่อโคลน เจี่ยงเฉิงไม่ควรจมอยู่ในบ่อโคลน

กู้เฟยมองรอยยิ้มมุมปากของเจี่ยงเฉิง รอยยิ้มที่ฉายให้เห็นในแววตา มีเพียงเวลาเห็นรอยยิ้มแบบนี้เท่านั้นที่เขาจะสลัดความคิดอื่น ๆ ออกไปก่อน

 

พวกเขาต่างยังเป็นวัยรุ่น แต่เรื่องรอบกายทำให้ความคิดหลาย ๆ อย่าง หน้าที่หลาย ๆ อย่างต้องรับผิดชอบก่อนเวลา จะเห็นว่ามุมเด็กน้อยตามวัยของพวกเขาพึ่งแสดงออกตอนสนิทกันมากขึ้นในเล่มสอง และเป็นมุมที่ไม่มีใครเคยรู้ ในฉากนี้มีจุดหนึ่งที่แอบหน่วงแล้วก็ลุ้นมาก ๆ คือเริ่มชัดแล้วว่าวิธีคิดเจี่ยงเฉิงกับกู้เฟยไม่เหมือนกัน แล้วคือ กู้เฟยคิดแต่ว่าเขาจะดูแลและส่งคนคนนี้ออกไปในที่ที่ดีกว่า...เขารักของเขาแบบบบบ

 


บางทีเจี่ยงเฉิงอาจไม่ได้คิดถึงจุดนี้ ถ้าหากวันหนึ่งพวกเขาจากกันไป เลิกรากันไป แล้วควรทำอย่างไรกับรอยบนตัวนี่ดี

คนที่เคยปรากฏอยู่ในอดีตอันแสนสั้นช่วงหนึ่ง แต่กลับทิ้งรอยไว้บนตัวคุณตลอดชีวิต เรื่องแบบนี้เจี่ยงเฉิงคงไม่เคยคิดเผื่อไว้

 ...

ความจริงเขาไม่ได้ยึดติดอะไรกับการสักรอยเขี้ยวนั่นนักหรอก เหตุผลที่คิดจะสัก เพราะเขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้ทำเรื่องแบบนี้ อย่าว่าแต่สักเลย แม้แต่จี้หินที่พันจื้อให้มา เสิ่นอีชิงยังไม่อนุญาตให้เขาแขวนคอเป็นสร้อยเสียด้วยซ้ำ แถมเกือบให้เขาเอาไปคืนพันจื้อด้วย

เขาย่อมมีความสุขอยู่แล้วที่กู้เฟยยอมทำอะไรโง่ ๆ ด้วยกันและปัจจัยที่ทำให้เขาเกิดอยากอาหารขึ้นมาก็คือประโยคที่ว่า ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น

บางทีคนเราก็น่าแปลกแบบนี้ แปลกที่พึงพอใจได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีหลักฐานอะไรมาสนับสนุน ไม่ต้องมีตรรกะ ขอแค่คำพูดคำเดียว ขอแค่อีกฝ่ายพูดปากเปล่าก็สร้างความสุขได้แล้ว


 อืม เล่มนี้การเล่าเรื่องของเจี่ยงเฉิงทำให้เราเห็นสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตในบ้านพ่อแม่บุญธรรมหลายอย่าง เขาโดนกดดันมากจริง ๆ ค่ะ นี่เป็นหนึ่งในฉากที่บอกว่าเขาไม่เคยได้รับอนุญาติให้ออกจากกฎของบ้าน ขณะเดียวกันก็จะเห็นถึงความคิดหนักทางกู้เฟย ทว่าสุดท้ายเมื่อเจี่ยงเฉิงเลือกถอย กู้เฟยเลือกจะรุก และตอบรับการสักครั้งนี้ คนมีความรักอ่ะนะคะ และความสุขทางใจเพียงหนึ่งเดียว ต่างก็ยอมกันและกันจริง ๆ ค่ะ

 


“กู้เฟย” เจี่ยงเฉิงผละออกแล้วกระซิบชิดข้างหู “ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ต่อให้อนาคตเราไม่ได้คบกันแล้ว ฉันก็จะทิ้งสัญลักษณ์ไว้บนตัวนายอยู่ดี ไม่สนว่าใครจะเห็นแล้วต้องรู้ว่านี่เป็นของฉันด้วย เสวียป้าอย่างเราไม่มีเหตุผลแบบนี้แหละ”

 

“เฮ้ !” กู้เฟยสะดุ้งกับการกระทำอันฉุกละหุกของเขา ถึงขนาดเผลอขยับเข้าเอาตัวมาบังอัตโนมัติ “นายทำอะไร”

“กัดสิ” เจี่ยงเฉิงโยนกางเกงไปด้านข้างแล้วนั่งบนเตียง ถอดรองเท้าก่อนจะยกขาขวาเหยียบบนเตียง “มาสิพ่อหนุ่มคนนี้” กู้เฟยมองไปข้างนอกห้องแวบหนึ่งแล้วกระแอมไอ

“เร็วหน่อยกระแอมอะไรนี่ ท่านคิดจะขับเสียงร้องสักเพลงเหรอ”

“มาแล้ว” กู้เฟยมองเขาแล้วอยู่ ๆ ก็ย่างสามขุมมาผลักตัวเขาไปด้านหลัง ก่อนจับหัวเข่าของเขากดไปด้านข้างแล้วก้มหน้ากัดเนื้อจนจมเขี้ยว

“นายรู้ไหม บางคนน่ะนะ” กู้เฟยก้มลงกระซิบชิดหูเขา “จะใช้วิธีต่าง ๆ นานที่นายสมยอม หรือไม่สมยอมก็ตามเพื่อให้มันฝังอยู่ในความทรงจำของนาย อย่างเช่นฉัน”

“แต่งกลอนหรือไง” เจี่ยงเฉิงหัวเราะ

“ขอทำตัวเลี่ยนหน่อยน่า” กู้เฟยหันขวับมองไปด้านนอกแล้วรีบโฉบลงกดจูบบนริมฝีปากเจี่ยงเฉิงแรง ๆ หนึ่งที

 

อืมมมม เรียกว่าเป็นฉากที่สุดในหลายทางเลยค่ะ ตอบปมบางส่วน มีความรู้ทันกันแล้วยังบรรยายได้แบบบบ ไฟลุกกกกก


 

กู้เฟยขมวดคิ้วเป็นปมแน่นแล้วแหวกกลุ่มคนด้านหน้าออกก่อนพุ่งตัวไปยังชั้นบนของตัวอาคารอาคารเก่า ๆ หลังนี้สูงเพียงไม่กี่ชั้น ทว่าคนที่กลัวความสูงถึงขนาดอยู่บนตึกดาดฟ้าชั้นห้ายังอาเจียนได้อย่างเจี่ยงเฉิง ระดับความสูงเท่านี้เพียงพอทำให้เขาอาเจียนคาที่ได้เลย

หลังสมองขาวโพลนไปชั่วครู่ กู้เฟยก็พุ่งเข้าไปกอดเจี่ยงเฉิงเอาไว้และใช้มือปิดตาของอีกฝ่ายไว้ ร่างกายของเจี่ยงเฉิงแข็งทื่อไปหมด แต่กลับทำตามคำสั่งการเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกตัดแหล่งจ่ายไฟได้อย่างน่าประหลาด เขาปิดตาอีกคนพร้อมกึ่งพลักกึ่งโอบออกจากบริเวณบันไดเจี่ยงเฉิงเคลื่อนไหวตามเขาอย่างกับเคลื่องกลโดยไร้สุ่มเสียงและปราศจากท่าทีดิ้นรนต่อต้านใด ๆ

 

คู่นี้อายุไม่เท่าไรแต่เรื่องที่เผชิญคือ...;---;... เราชอบการปกป้องของกู้เฟยมากกเลยค่ะ ตั้งแต่วิ่งไปรับเจี่ยงเฉิงบนตึก เจี่ยงเฉินยืนไม่ไหวแล้ว จิตใจก็ไม่ไหวแล้วขอให้เขาอุ้มออกมาแบบไม่แคร์สายตาใคร กู้เฟยก็อุ่มเขาออกมา พอลงมาด้านลง เหตุสะเทือนใจนั้น...เผลอ ๆ ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด กู้เฟย เห็น แต่สติที่เขาได้ก็คือพุ่งออกไปปิดตาเจี่ยงเฉิงก่อน กอดปกป้องอีกฝ่ายไว้แล้วพาออกมา แบบบบ ชอบคนไทป์ปกป้องมากค่ะ!




กู้เฟยนั่งเล่นกล้องอยู่อีกฟากตั้งแต่ต้นและไม่ค่อยสนใจว่าช่างจะแต่งหน้าให้เจี่ยงเฉิงไปถึงไหนเท่าไหร่ แต่แล้วอยู่ ๆ เจี่ยงเฉิงก็หันมาหา เขาที่กำลังยื่นทิชชูให้จึงกวาดตามองหน้าเจี่ยงเฉิงไปด้วยแวบหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่ามือเกือบอ่อนยวบทำกล้องร่วงตกพื้น

บางทีอาจเป็นเพราะติดฟิลเตอร์ของแฟนหนุ่มขนาดมหึมาพอเห็นเจี่ยงเฉิงในรูปแบบนี้ก็มีแต่จะเร่งให้หัวใจเต้นรัว ครั้งเจี่ยงเฉิงรับทิชชูไป เขาก็รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้วแล้วกรอกเข้าปากเพื่อกลืนหัวใจลงไป

 

มีคนมาทำงานแล้วมือไม้อ่อนอีกแล้วค่ะ 555555555


 

“พ่อหนุ่มคนนี้” เจี่ยงเฉิงยกนิ้วจิ้มปลายคางเขา “ตอนนี้ถ้านายจูบฉันทีหนึ่งคนข้างนอกต้องรู้กันหมดแน่”

กู้เฟยครุ่นคิดตาม ก่อนก้มหน้าจูบซอกคออีกฝ่าย

“ฉันขอเตือนนายนะ” เจี่ยงเฉิงโอบกอดเขา “ถ้านายกล้ากัด ฉันก็กล้าต่อยนาย”

กู้เฟยเงยหน้าขึ้นพร้อมส่งเสียงหัวเราะ จากนั้นหยอกเย้าว่า

“พ่อหนุ่มคนนี้ มีจุดอ่อนทั้งตัวยังกล้ามาท้าทายอีกเหรอ”

 

ชอบการหยอกเย้าของสองคนนี้มากกกกกกกก เลยค่ะ อ่านไปจะเจอหลายฉากที่เขาจะต้องแตะ ต้องทัชกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบบ น่ารักกกกก




กู้เฟยเดินไปพร้อมกับผิวปากตามเสียงดนตรีคล้ายเสียงจิ้งหรีดร้อง ฟังแว่ว ๆ แล้วนึกอยากหัวเราะออกมาเล็กน้อย

สุขสันต์วันเกิดเฮียเฉิง

หวังว่านายจะมีความสุขแบบนี้ตลอดไป

สุขสันต์วันเกิดเฮียเฉิง

หวังว่านายจะยิ้มสดใสเหมือนแสงอาทิตย์ตลอดไป

สุขสันต์วันเกิดเฮียเฉิง

หวังว่าอนาคตถ้านายหวนนึกถึงช่วงเวลานี้จะไม่เสียใจภายหลัง

สุขสันต์วันเกิดเฮียเฉิง

 

...ยังไง...ยังไง ภาพอนาคต กู้เฟยก็ 😭




ฉันอยากนั่งมองเผลอเพียงอึดใจก็ถึงยามแก่เฒ่า

“แม่ง” เจี่ยงเฉิงร้อนผ่าวตรงขอบตาขึ้นมาฉับพลัน เขาอ่านข้อความฉบับนี้มาหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งที่เปิดโน๊ตก็จะมองเห็นตลอดแต่ไม่เคยเป็นอย่างตอนนี้ที่จู่ ๆ ก็ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ขึ้นมา

 

ประโยคนี้เป็นเนื้อร้องที่กู้เฟยเอ่ยถึงบ่อยมาก เรารู้สึกเลยว่า เขาเฝ้ารอ และก็มอบความรู้สึกที่เคยเฝ้ารอนี้ให้เจี่ยงเฉิงไปแล้วค่ะ ...อยากจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า 😢



“เล่าจบแล้ว” กู้เฟยคีบบุหรี่ออกจากปาก “กอดหน่อยเฮียเฉิง”

เจี่ยงเฉิงชะงักเล็กน้อย ก่อนรีบโผเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายไว้ทันที

“ฉันไม่น่าถามเลย แม่ง ความจริงฉันน่ะไม่ใช่คนที่จะต้องขุดเอาเรื่องในอดีตของนายออกมาให้ได้หรอก ฉันแค่ฉันแค่

“นายก็แค่หึง” กู้เฟยหันหน้ามาซบไหล่เขา

“ใช่” เจี่ยงเฉิงถอนหายใจ

“แต่มีเรื่องนึงที่ฉันต้องพูดหน่อย” เจี่ยงเฉิงกล่าว “คราวหลังนายอย่าทำหน้าบึ้งใส่ฉัน นายจะโกรธหรือไม่สบอารมณ์ก็ได้ แต่มาสู้กันสักตั้งยังดีกว่าทำตัวเย็นชาใส่กัน ฉันน่ะกลัวเวลาโดนคนเพิกเฉยใส่ที่สุด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้าน เวลาพวกเขาไม่อยากว่าฉันก็จะทำหน้าเย็นชาใส่ ไม่มีใครสนใจฉันเลย ความรู้สึกแบบนั้นมันอึดอัดมาก ๆ”

“เข้าใจแล้ว”

 

เป็นอีกหนึ่งฉากที่เขาเคลียร์กันแล้วก็เรียกหากัน เท่าที่เราเห็น กู้เฟยชอบบอกเจี่ยงเฉิงว่า "มาแล้ว" ทุกครั้งที่เจี่ยงเฉิงเรียกหา และเจี่ยงเฉิงจะมองเงียบ ๆ และยืนอยู่ข้างกู้เฟยทุกรอบที่เขาเจอปัญหา ฉากนี้อาจจะเป็นไม่กี่ครั้งที่กู้เฟยเป็นฝ่ายเรียกเจี่ยงเฉิงออกมา คำว่า "รีบโผเข้าไปกอด" คือทัชใจเรามาก

อีกจุดหนึ่งอย่างที่เล่าไปก่อนหน้าว่ามีหลายฉากที่ทำให้เห็นสภาพแวดล้อมที่เจี่ยงเฉิงอยู่ก่อนหน้านี้...มันโดนเดี่ยวมากเลยค่ะ เหมือนกับเราไม่มีตัวตน โหดร้ายในอีกรูปแบบเลย T-T



“นายคงไม่คิดจะรักกันตลอดไปหรอกนะ กับกู้เฟย”

เจี่ยงเฉิงหยิบบุหรี่มาจุดโดยไม่ตอบทันที หลังสูบไปได้สองคำก็เคาะบุหรี่แต่กลับไม่มีอะไรร่วงลงมา

“ไม่ได้เหรอ”

“เป็นไปได้เหรอ” พันจื้อย้อนถาม


เป็นจุดถามเปิดปมที่นำพาสู่ความเข้มข้นถัดไป...แต่ก็เห็นชัดว่าเจี่ยงเฉิงมองแต่ภาพที่มีกู้เฟยอยู่กับตัวเองมาตลอดเลยค่ะ


 

เขาต้องการคำตอบเดียว ไม่ได้ต้องการคำอธิบายมากมาย เขาต้องการเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น

ฉันเคยคิดว่าอยากอยู่ด้วยกันกับนายในอนาคต ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องอยู่ด้วยกัน

แค่นี้เอง

บางทีเขาอาจจะไหลไปตามระบบความคิดที่เคยชินเลยไม่ทันคิดถึงปัญหาในมุมมองกู้เฟยที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เขาต้องการผลลัพธ์ แต่กู้เฟยต้องการพูดถึงขั้นตอน

หากตั้งผลลัพธ์ไว้แล้วก็เท่ากับว่าทุกขั้นตอนต่างมุ่งเป้าสู่ผลลัพธ์นั้นทั้งสิ้น ทว่าหากเริ่มจากการวางแผนขั้นตอนก่อนก็อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์นับไม่ถ้วนได้ กู้เฟย นายคิดไว้เยอะแยะอย่างนี้แล้วคิดอะไรไว้บ้างล่ะ

 

แงงงง วิธีคิดพวกเขาต่างกันจริง ๆ ค่ะ ละแบบ ต่างก็ทันกัน พอได้ทบทวนทำความเข้าใจหลายเรื่องก็ทันกันได้ แต่เรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้นก็...ต้องใช้เวลานะคะ ;---;


 

“กู้เฟย” เจี่ยงเฉิงเอ่ยขัดทันควัน “นายเคยถามฉันว่าอยากคบกับนาย หรืออยากคบกับนายสักครั้งใช่ไหม”

“อืม” กู้เฟยกุมมือเขา

“แต่ก่อนฉันคิดแล้วว่าทำไมนายถึงถามฉันอย่างนั้น ตอนนี้ฉันรู้แล้ว คนที่อยากคบคือตัวฉัน ส่วนคนที่อยากคบกันสักครั้ง” เจี่ยงเฉิงชักมือออกแล้วชี้ตัวอีกฝ่าย “คือนาย”

 

ฉะนั้นเขาจึงเลือกจมปลัก ฉันจะชอบนายจนถึงวันที่นายไม่ต้องการอีกแล้ว

ขอเพียงคนที่นายต้องการคือ ฉันไม่ใช่คนอื่น ฉันพร้อมเสมอ

สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยของเจี่ยงเฉิง เป็นสภาวะที่อยากคว้าไว้ให้แน่นเพราะกลัวสูญเสียตลอดเวลา และเขาสัมผัสได้ถึงมันบ่อยครั้งเสียด้วย

กู้เฟย ทุกประโยคที่นายพูดตอนนี้จะกลายเป็นหลักฐานที่ฝั่งใจของเจี่ยงเฉิง รอบคอบนะ

 

เขารู้นิสัยเฮียเฉิงจริง ๆ ค่ะ และเป็นคนคิดทุกอย่างเผื่อไว้ คือ...เฮ้อ! สองคนนี้จะหาทางออกกันยังไงนะคะ ลุ้นนนนน


 

“ทีแรกฉันคิดว่าคำพูดของนายเป็นคำพลอดรักที่ฟังเผิน ๆ แล้วความหมายดี แต่กลับคิดลึกไม่ได้”

“หืม ?” กู้เฟยยกแขนที่กดตรงลำคออีกฝ่ายออกแล้วก้มหน้าลงไปกดจูบ

“ความจริงนายหมายถึงถ้าฉันเลิกกับนาย นายก็จะตกลงสินะ” เจี่ยงเฉิงสบตา “อำนาจตัดสินใจอยู่ที่ฉัน” กู้เฟยไม่ตอบอะไร นอกจากก้มหน้าลงไปกดจูบอีกครั้ง

“ดูเหมือนอำนาจการตัดสินใจจะอยู่ที่ฉัน ความจริงท่านก็ไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระตุ้นเลยสักนิด” เจี่ยงเฉิงมองค้อน “ไปมาสบายไม่มีอะไรกีดขวางเลยสินะ”

กู้เฟยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนบอกว่า “ถ้านายไม่อยากคบกับฉันจริง ๆ ต่อให้ฉันตามตื้อให้ตายก็ไร้ความหมายนี่นา”

“ก็พูดแบบนั้นอยู่หรอก” เจี่ยงเฉิงแหงนหน้ามากัดปลายคางอีกฝ่ายกู้เฟยสะดุ้งทว่าไม่กล้าขยับตัว

ฉันไม่ได้คิดครอบคลุมเท่านาย ฉันคิดแค่ว่าค่อย ๆ เดินไปทีละก้าว มีปัญหาอะไรก็แก้ปัญหานั้น คนเราต้องมีเป้าหมายสักอย่าง ความสัมพันธ์ก็ดี ชีวิตก็ดี มันต้องมีทิศทาง นายถึงจะรู้ว่านายทำอะไรฉันเป็นคนแบบนี้”

ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ฉันมีอย่างเดียว นายสัญญากับฉัน” เจี่ยงเฉิงสอดประสานสายตา

“นายว่ามา” กู้เฟยสบตาตรง ๆ

“อย่าให้ฉันหนี” เจี่ยงเฉิงเอ่ย “อย่าให้ฉันพูดว่า พอเถอะ แล้วนายก็เดินจากไปอย่างสบายใจ นายต้องตื้อสักหน่อยได้ไหม ถ้าเกิดฉันเสียใจทีหลังขึ้นมาแล้วหันกลับมานายไม่อยู่ตรงนั้นล่ะ จะทำยังไง”

ทันใดนั้นกู้เฟยรู้สึกแสบจมูกขึ้นมาเล็กน้อย

“ได้” เขาพยักหน้ารับ “แต่นายก็ต้องสัญญากับฉัน”

“ฉันไม่ชอบให้ใครเสียสละเพื่อฉัน หรือทอดทิ้งบางอย่างเพื่อฉันฉันไม่ต้องการ เส้นทางของนายนั่น ถ้าควรเดินก็ขอให้เดินต่อไปอย่าหยุด นายเข้าใจความหมายของฉันไหม เห็นใจ ทอดทิ้ง สิ่งเหล่านี้จะกดดันฉัน จะรู้สึกเหนื่อย”

“เข้าใจแล้ว” เจี่ยงเฉิงบีบคางเขา “ฉันเป็นคนหนักแน่นมากนะ”

 

ทั้งสองคนต่างก็มีความในใจ ต่างก็เห็นอีกฝ่ายสำคัญ จุดที่เจี่ยงเฉิงพูดเราก็แสบ ๆ ร้อน ๆ กระบวกตาตามกู้เฟยค่ะ พอกู้เฟยพูด...ยิ่งใจเจ็บ ฮือออ



“ความจริงก็ใช่ว่าฉันต้องอารมณ์เสียให้ได้หรอก ฉันแค่กลัว”

“ฉันรู้” กู้เฟยลุกขึ้นนั่งแล้วถูหลังเขาไปมา “ฉันรู้”

“นายรู้ไหมกู้เฟย” เจี่ยงเฉิงเขียนไปเรื่อยพร้อมกับพูดด้วยสุ่มเสียงที่เบาลงเล็กน้อย “ฉันไม่มีบ้านแล้ว ฉันอยู่ตัวคนเดียว ที่นี่ ในห้องเช่าห้องนี้ ไม่มีอะไรเหลือแล้ว”

“พอฉันเอนไปเจอนายอยู่ข้างหลัง ฉันก็สบายใจฉันไม่ได้จะไม่เผชิญหน้ากับความจริง ฉันแค่คิดว่าถ้าไม่มีนายอยู่ข้างกัน ฉันก็ก้าวพลาดลอยคว้างจริง ๆ แล้ว”

“ฉันอยู่นี่ อยู่ข้างหลังนายไม่ไปไหนทั้งนั้น” กู้เฟยบอก “อย่ากลัว”

“อืม” เจี่ยงเฉิงหัวเราะ

กู้เฟยหลับตาลง ปล่อยเป็นแบบนี้เถอะ เรียนรู้จากเจี่ยงเฉิง เรื่องบางเรื่องอย่าพึ่งไปคิดถึงมันความทรงจำแสนงดงาม ประสบการณ์ที่ดี บางทีชีวิตอาจะได้ใช้โลดโผนเพียงครั้งเดียว

ตอนที่นายหันกลับมา ฉันจะอยู่ตรงนี้ ตอนที่นายคิดถึงบ้านฉันจะอยู่ตรงนี้ ยืนนานเท่าไหร่ก็ยืนนานเท่านั้น


เราควรน้ำตาซึมฝั่งใครก่อนดีคะ ฝั่งใครก่อนดี ฮืออออออออออ

 


“ฉันอยากนั่งมองเผลอเพียงอึดใจก็ถึงยามแก่เฒ่าฉันอยากเงยหน้ารับแสงอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ เธอแค่โอบกอดฉันไว้ ฉันอยากก้าวข้ามผ่านวันและเวลา เหยียบย่ำหนทางความสับสน ลืมตาขึ้นแล้วเธอจะได้ยิน ฉันอยากมีเธออยู่บนไหล่ซ้ายหันมายิ้มให้กันบนไหล่ขวาฉันอยากวิ่งโลดแล่นอิสระในสายตาของเธอ ฉันอยากนั่งมองเผลอเพียงอึดใจก็ถึงยามแก่เฒ่า”



เสียงตัวโน๊ตสุดท้ายสิ้นสุดลงในที่สุด แต่เจี่ยงเฉิงยังคงนิ่งอยู่ในท่าเดิม จนกระทั่งกู้เฟยยื่นมืออ้อมโทรศัพท์มาลูบแก้มกันเบา ๆ เขาถึงพบว่าตัวเองร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ไม่ นี่เรียกว่าร้องไห้ไม่ได้

แค่หลั่งน้ำตา


ในที่สุด เพลง "นอกคอก" ก็สมบูรณ์แล้วนะคะ 😭💓



“กู้เฟย”

“หืม ?

“หรือว่าไม่ต้องเอาเงินให้ฉันแล้วก็เก็บไว้ที่นายเถอะ ฝากเก็บให้ฉัน”

กู้เฟยไม่พูดอะไรแต่ขยับปากกาที่คาบอยู่ในปากกระดกไปมากระทั่งผ่านไปพักหนึ่งเจี่ยงเฉิงเห็นอีกฝ่ายกระตุกยิ้มจาง ๆ อย่างไม่ชัดเจนนัก

“ได้ไหมเล่า” เจี่ยงเฉิงถลึงตาใส่

“เฮียเฉิง” กู้เฟยหมุนปากกาเล่น “ชาติที่แล้วฉันคงทำดีมาไม่น้อย ชาตินี้ถึงได้มาเจอนาย”


ประทับใจทิ้งท้ายคือความรู้ใจกันดี เจี่ยงเฉิงรู้ว่าถ้าพูดตรง ๆ ว่าเอาเงินส่วนของฉันไปใช้เถอะ กู้เฟยต้องปฏเสธแน่ เลยพูดอ้อมบอกเขา กู้เฟยฟังแล้วก็เข้าใจความหมายถึงกับนิ่งไป...

หวังค่ะ...จริง ๆ นะ ให้เด็กทั้งสองคนมีทางออก

ไม่รู้นอกจากครูอาจารย์ คุณแม่กู้ยังพอฝากความหวังได้ไหม เธอเองก็กลัวจะโดนกู้เฟยทิ้ง ฉากกู้เฟยอ้าแขนให้แม่โผมากอดคือ...เราหวังใจว่าอะไร ๆ จะดีขึ้นค่ะ


นอกจากนี้ ฉากที่เคยเห็นผ่านตาแล้วได้มาหวีดกับคำบรรยายในเล่ม



ฉากเฮียเฉิงเตรียมงานฉลองวันเกิด ดีงามสุด ๆ เลยค่ะ 💘💘💘💘


    ยังมีรายละเอียดที่เห็นจากภาพแฟนอาร์ต เช่น ภาพกู้เฟยชอบนั่งซ้อนหลังกอดเอวเฮียเฉิงไว้

    หรือภาพเล่นเปียนโน ดีดกีต้าคู่กัน...เป็นอะไรที่มีในเล่มนี้แล้ว และน่ารอคอยในเล่มถัดไปด้วยค่ะ




สุดท้าย หลังจากไม่ได้อัปบล็อกนานมากกก และหลังจากนี้คงยุ่งหัวฟูสุด ๆ มีโอกาสระเบิดพลังความหวีดน้อยมาก ๆ ในช่วงต้นปี ตอนนี้ก็ขอแวะมาแปะไว้รอเล่ม 5 กันสักหน่อยค่ะ ใครที่ตามมาถึงตรงนี้ สามารถแวะหวีดกันได้นะคะ


ส่วนใครบังเอิญเปิดมาเจอ ขอสวัสดีปีใหม่ 2566 ใน Blog มา ณ ตรงนี้ค่ะ 

>>RAW

>> Minimore

    

    ชาแดง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีวิว แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ( 3 เล่มจบค่ะะ)

  แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ผู้แต่ง ปี่ข่าปี่ ผู้แปล จื่อซิน ผู้วาด 梨乖 酥 สำนักพิมพ์ Inltreebook เรื่องย่อ หลินชิงอวี่ แต...