วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2565

รีวิว My Five Elements are short of You – ชีวิตนี้ขาดเธอไม่ได้ ~ [ฉบับเต็ม]

 




My Five Elements are short of You – ชีวิตนี้ขาดเธอไม่ได้ ~ [ฉบับเต็ม]

ผู้เขียน ซีจื่อซวี่

ผู้แปล Rear

ผู้วาด Mind*creator

สำนักพิมพ์ IRIS BOOK

เรื่องย่อ


โจวเจียอวี๋ ประสบอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกชนวิญญาณมาเข้าร่างคนที่ชื่อเหมือนกัน แต่อีกฝ่ายดันเป็นนักต้มตุ๋นที่ถูกจับ เพราะเกือบทำคนจำนวนมากเสียชีวิต หลินจู๋สุ่ย ปรมาจารย์ด้านเฟิงสุ่ยที่จับเขามาเห็นถึงพรสวรรค์ของโจวเจียอวี๋ จึงรับเขาไว้สอนสั่ง จากข้าราชการผู้เชื่อในวัตถุนิยมกลายเป็นว่าที่ศิษย์ผู้มากพรสวรรค์ของปรมาจารย์ชื่อดัง ชีวิตของเขาดูจะพลิกผันแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่ายังมีอีกาสามขาในหัวอีกหนึ่งตนบอกถึงความลับในการได้ชีวิตใหม่ของเขาเปลี่ยนชะตาเคราะห์ของหลินจู๋สุ่ย ? มือใหม่พึ่งฟื้นคืนชีพอย่างเขาควรทำยังไงดี !



>> รีวิว My Five Elements are short of You – ชีวิตนี้ขาดเธอไม่ได้

เล่ม 1-2 เล่ม 3 เล่ม 4-5 (สปอยล์ปานกลางถึงมาก)




รีวิวแบบพื้นที่ปลอดสปอยล์


โจวเจียอวี๋ เข้ามาใช้ชีวิตในร่างใหม่ แทบจะเป็นพ่อครัวจำเป็นของบ้าน เพราะไม่มีใครทำอาหารได้ดีเลยสักคนนน เขาเปิดใจศิษย์คนเล็กของหลินจู๋สุ่ยได้ก่อน เสิ่นอี้ฉยงเป็นคนตรงไปตรงมาทำให้เข้ากับโจวเจียอวี๋ได้ง่าย ส่วนศิษย์คนอื่น ต่างก็ทยอยพ่ายแพ้ให้กับเสน่ห์ปลายจวักของเขา กระทั่งตัวท่านหลินที่ไม่ค่อยกินข้าวเองก็มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย ทว่าความสัมพันธ์ในบ้านไม่น่าหนักใจเท่าโลกทัศน์ของเขาที่เปลี่ยนไปจากสภาพแวดล้อมชีวิตใหม่ ชีวิตเดิมเขาไม่เคยเชื่อเรื่องภูติผี แต่ชีวิตนี้ดวงตาและประสาทสัมผัสของเขาไวและเฉียบคมต่อสิ่งพวกนี้มากกว่าใคร ทำให้โดนลากเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับเหล่านี้ประหนึ่งแม่เหล็กคนละขั้ว แถมที่ยังรอดมาได้เพราะมีท่านหลินคุ้มครอง จะไม่เชื่อก็คงไม่ได้แล้ว

ส่วนเรื่องราวความรักของสปอยล์สั้น แสงสว่างกับความมืด หยินและหยาง ปลาและน้ำ เป็นส่วนประกอบหรือธาตุที่ไม่อาจแยกจากกันไปได้ค่ะ !!!!


คะแนน 8/10


ขอตัดในส่วนของมุขตลกกับปมหลักช่วงหลังที่รู้สึกแผ่วในส่วนของเนื้อเรื่องค่ะ








รีวิวแบบพื้นที่มีสปอยล์ ~


            My Five Elements are short of You – ชีวิตนี้ขาดเธอไม่ได้ ~ เป็นนิยาย 5 เล่มที่สำหรับเราเนื้อเรื่องต่อเนื่องไม่แผ่วคดีหลอนเลยค่ะ จะเสียดายก็แต่ช่วงปมต่อเนื่องในตอนท้ายเท่านั้นที่รู้สึกแรงส่งพอ แต่เล่าไม่มากพอค่ะ (พูดงง ไหมน้อ) เอาเป็นว่าก่อนจะเล่าแบบสปอยล์เรียบเรื่องราวตามความเข้าใจของเรา ขอพูดแก่นหลักของเรื่องที่รู้สึกได้ก่อนนะคะ จริง ก็ตามชื่อเรื่องชีวิตนี้ขาดเธอไม่ได้เป็นทางเลือกที่ลิขิตฟ้าส่งหนทางให้มาเพียงหนึ่งเดียว หากขาดใครไปสักคนจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เลยค่ะ


         ต่อไปนี้จะเป็นการเล่าที่สปอยล์เนื้อเรื่องมาก ใครยังไม่อ่านข้ามไปก่อนได้เลยค่ะ อ่านจบแล้วมาเมาท์กันนน


          ลิขิตฟ้า จะเริ่มมาถูกกล่าวหนักขึ้นในเนื้อเรื่องท่อนหลังทั้งตระกูลสวีแห่งเส่อซานและตระกูลเมิ่ง (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) แห่งไฟ ที่พยายามฝืนชะตาฟ้าจากของวิเศษบางอย่างจนต้องล่มสลาย

       ปริศนาทุกอย่างมากระจุกรวมที่พิธีกรรมคืนชีพและกระดาษเห็นอนาคตที่มีรูปอีกาทองสามขาเป็นสัญลักษณ์ 


          จี้ปา เป็นลูกอีกาทองสามขาที่ปรากฏตัวพร้อมกับโจวเจียอวี๋ นกตัวน้อยที่อยู่ในหัวของโจวเจียอวี๋เป็นคนบอกว่า เขาเองคือคนชุบชีวิตชายหนุ่ม และเป้าหมายของเขาคือให้โจวเจียอวี๋ช่วยหลินจู๋สุ่ยรอดพ้นจากความตาย 

            เราเลยพึ่งมาเข้าใจลำดับเนื้อเรื่องตอนเขียนได้ประมาณนี้ค่ะ



>> ลิขิตฟ้า ชะตามนุษย์


           เรื่องเริ่มจากการที่จี้ปาถูกสวรรค์ผนึกพลังลงในหนังสือเห็นภาพอนาคตคนที่คะนึงหาวิธีเพียงอย่างเดียวที่จะคลายผนึกได้คือต้องใช้พลังไฟจากร่างของมนุษย์ที่ครองพลังจี้หยาง ทว่ามนุษย์ที่มีร่างจี้หยางมักตายแต่วัยเยาว์ ทำให้หาได้ยากอย่างยิ่งจนกระทั่งหลินจู๋สุ่ยเกิดขึ้นมา เด็กชายหลินความจริงต้องสิ้นอายุขัยตั้งแต่อายุไม่ถึงแปดปี ทว่าบิดามารดาของเขาไม่ยินยอม ใช้ศาสตร์เฟิงสุ่ยเปลี่ยนลิขิตฟ้า ทำให้เขารอดมาได้จนกระทั่งอายุประมาณ 28-29 ปีซึ่งตามชะตาหลินจู๋สุ่ยถูกลิขิตให้ต้องตายอีกตอน อายุ 30 ปีหนนี้บิดามารดาไม่อยู่ แต่อีกาสามขายังอยู่



>> หยินและหยาง


             การจะช่วยร่างที่มีพลังหยางสูงจำเป็นจะต้องมีร่างที่มีพลังหยินสูงอยู่ข้างกาย แต่โจวเจียอวี๋ คนที่เป็นนักต้มตุ๋นดันเสียชีวิตไปก่อน โจวเจียอวี๋ ที่ชื่อเดียวกันอีกคนและตายในเวลาเดียวกันจึงถูกอีกาสามขาดึงวิญญาณมาเข้าร่างแทน และมอบหน้าที่ให้โจวเจียอวี๋คนนี้คอยอยู่กับหลินจู๋สุ่ยก็พอ ทางหลินจู๋สุ่ยเองก็มองออกว่าวิญญาณโจวเจียอวี๋คนนี้ไม่ใช่คนเดิม จึงเปิดใจให้ แถมยังทำนายได้อีกว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ชีวิต ในวันเกิดอายุ 30 ปี เขาจึงรอดชีวิตมาได้ เพราะมีปลาน้อยของตนอยู่เคียงข้าง



>> ฝืนลิขิตฟ้า


             การมองเห็นอนาคตนับเป็นการฝืนลิขิตฟ้า ทั้งตระกูลสวีและเมิ่งต่างล่มสลายเพราะท้าทายอำนาจบางอย่างของฟ้ามากไป และถูกฟ้าลิขิตให้เจอทัณฑ์สวรรค์ แต่ใช่ว่าอนาคตที่มองเห็นว่าถูกลิขิตจะเปลี่ยนไม่ได้ อย่างเช่นตระกูลสวียังมีผู้สืบทอดวิชากระดาษหลงเหลืออยู่ ทว่านี่ไม่ใช่สำหรับทางตระกูลเมิ่ง ซึ่งมีความต้องการต่างกันเขาต้องการทำลายกระดาษมองอนาคตคนที่คะนึงหาเล่มนี้ทิ้งไปเสีย เพราะทุกคนที่เห็นเรื่องไม่ดีของคนที่รัก หรือสิ่งที่รักย่อมต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นคืนจากความตายที่ทำให้คนตระกูลเมิ่งส่งต่อคำสั่งเสียแบบฝืนธรรมชาติอย่างการชุบชีวิตคนทั้งตระกูลมาถึงผู้เหลือรอดเพียงคนเดียวอย่างลาสบอส หรือแม้แต่ท่านหลินเองพอรู้อนาคตของโจวเจียอวี๋ก็ปรารถนาวิธีการฟื้นคืนนี้เช่นกัน ดังนั้นลาสบอสจึงต้องการให้หนังสือและคาถาที่ผิดพลาดนี้ถูกทำลายจากไฟหยางบริสุทธิ์ที่ชำระล้างทุกสิ่งหลินจู๋สุ่ยคือคำตอบของสมการนี้นั่นเอง



>> น้ำตายเมื่อขาดปลา ปลาอยู่ต่อไปไม่ได้เมื่อขาดน้ำ


               การจะทำให้ไฟหยางสูงสุด เราเดาว่าคงต้องใช้ลาวาช่วยเสริม ขณะเดียวกันก็ขาดธาตุหยินไปไม่ได้ โจวเจียอวี๋จึงต้องอยู่ที่นั่น ซึ่งตรงนี้เราแอบไม่เคลียร์นิด อาจจะได้คำตอบชัด ในการอ่านรอบถัดไป 🤔

               อย่างไรก็ตาม จี้ปาที่อยู่กับโจวเจียอวี๋มาเกือบสองปี ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะผูกพันและทำร้ายอีกฝ่ายให้ทรมานขนาดนี้ ยามที่ตนถูกปลดปล่อยและชนะสวรรค์ เขาจึงเสียใจมาก  และคงเป็นเขาที่เก็บวิญญาณโถน้อยกลับร่างเดิม (ที่เป็นข้าราชการวัยเกือบสามสิบคนนั้น) ทำให้โถน้อยฟื้นความทรงจำและกลับไปครองรักกับหลินจู๋สุ่ยได้ ทว่าตัวจี้ปาเองนอกจากขอให้โจวเจียอวี๋ลูบหัวตน (นี่เก็บกดเรื่องนี้มากเลยนะ ว่าขนตัวเองนุ่มกว่าพังพอนไหม) ความทรงจำเรื่องของจี้ปาทั้งหมดเจ้าตัวไม่ให้ปลาน้อยจำได้เลย 🥺



           น่าจะเป็นจุดเดียวที่หน่วงมากค่ะ ถ้าขยี้กว่านี้น้ำคงไหลอีก


          ปมที่เราว่าแผ่ว แอบเดา ปะติดปะต่อเรื่องเอง คงเป็นช่วงลิขิตสวรรค์ กับปมตระกูลเมิ่งเนี่ยแหละค่ะ ลิขิตสวรรค์ถูกพูดถึงในสองเคสตระกูลใหญ่ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลช่วงจี้ปาเพิ่มเติม ส่วนฝั่งลาสบอสเองก็ไม่ได้บอกชัดถึงวิธีการดำเนินการต่าง ทำให้ไม่มั่นใจว่าตกลงแล้วพิธีกรรมใช้ใครยังไง และท่านหลินที่เก่งมาก พลาดท่ายังไงกันแน่



         8 ใน 10 ของเราเหตุก็ประมาณนี้ 

     แต่จริง เราอาจจะร้องไห้จนพลาดไปหลาย อย่าง เดี๋ยวอ่านซ้ำแน่นอนค่ะ ใครเข้าใจยังไง เราพลาดอะไรไป มาคอมเม้นต์เล่ากันได้นะคะ



ชาแดง







วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565

รีวิว ระบบพึ่งพาตนเอง เล่ม 1-2 (ฉากประทับใจมีสปอยล์)




ระบบพึ่งพาตนเอง

ผู้เขียน 碉堡rghh

ผู้แปล อวี่หลินหลิง

ผู้วาด Chonggong

สำนักพิมพ์ Caihong

เรื่องย่อ

[ติ๊ง!]

[ระบบพึ่งพาตนเองระหว่างดวงดาวเริ่มทำงาน เป้าหมายของเราคือพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเอง ปฏิเสธการเกาะคนอื่นกิน โฮสต์ต้องแรกด้วยแรงกายและลงมือทำด้วยสองมือของตัวเองเท่านั้นถึงจะได้ผลลัพธ์ที่งดงามที่สุด มาทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นกันเถอะ!!!]

แมงดาหมื่นปีลู่ฉี่: …

ปลาไหลหมื่นปีเสิ่นเมี่ยวผิง: …


>> แบบเวอร์มีสปอยล์น้อยย และ >> แบบเวอร์มีสปอยล์ (ปานกลาง)

                            >> ชวน Talk ความประทับใจในระบบพึ่งพาตนเอง โลก 1-2 (สปอยล์มาก)

   

ฉากประทับใจโลก 1:

    รถยนต์จอดห่างออกไปประมาณหนึ่ง การประคองคนเมาทำให้ถือร่มไม่ค่อยสะดวก ลู่ฉี่จึงถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วห่อตัวฮั่วหมิงเชินไว้ในอ้อมแขนก่อนอุ้มวิ่งฝ่าสายฝนออกไป...บนรถยนต์ ร่างกายท่อนบนลู่ฉี่เปียกโชก น้ำฝนอาบไล้ลงมาถึงปลายเส้นผมขับให้ใบหน้าเขาดูเย็นชาไร้ความรู้สึก ใครบางคนเอนกายนิ่ง ๆ อยู่เยาะข้างคนขับ โชคดีมีเสื้อคลุมของลู่ฉี่ นอกจากคราบน้ำมุมเสื้อแล้ว ส่วนอื่นของฮั่วหมิงเชินยังแห้งสนิท


    ชอบฉากนี้มากค่ะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่เหมือนเป็นฉากหนึ่งที่บอกแต่ต้นว่า พระเอกให้ความสำคัญกับฮั่วหมิงเชินมากกว่าที่ตัวเขาคิด


ปลายสายเงียบไปสามวินาที ฮั่วหมิงเชินก็พูดทีเล่นทีจริงว่า

“ถ้าฉันบอกว่าฉันอยู่ใต้ตึกบ้านนาย นายจะเชื่อไหม”

ลู่ฉี่ตอบ

“อย่ามาล้อเล่น”

แต่ร่างกายกลับขยับลุกออกจากเก้าอี้แล้ว...เขารู้สึกมั่นใจอย่างบอกไม่ถูกว่าอีกฝ่ายอยู่ข้างล่าง

ฮั่วหมิงเชินสตาร์ตรถยนต์ เตรียมจะขับออกไป

“ถ้าล้อเล่นแล้วจะทำไป นายอย่างจริงจังนัก---”

คำพูดเหล่านั้นพลันหยุดกะทันหัน เนื่องจากเงาร่างคุ้นเคยอยู่ห่างจากกระจกรถยนต์แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น


    มีความรู้ทันลึก ๆ ว่าฮั่วหมิงเชินน่าจะมาจริง ๆ แน่ ๆ แล้วทางคุณชายฮั่วก็คือมาจริง ๆ เขาคิดถึงมากจนขับรถมาเห็นแต่บ้านอีกฝ่ายก็ยังดี ;---;


“รีบดูข้างนอกสิ!” …

เมื่อเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมา มนุษย์มักสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของตนเอง

    ปกติลู่ฉี่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ไม่รู้เพราะคนข้างกายหรือเหตุผลอื่น เขามองดูอย่างตั้งใจ กระชับกอดคนในอ้อมแขนแน่น เป็นช่วงเวลาที่หัวใจไร้ความปรารถนา สะอาดบริสุทธิ์อย่างหาได้ยาก


    รู้สึกเอ็นดู จริง ๆ ฉากนี้และฉากก่อนหน้า ทำเราหวั่นไหวมาก และคิดว่าพระเอกเองก็หวั่นไหวเหมือนกันค่ะ คนคนนี้รักเขามากจริง ๆ สองชาติแล้ว อีกฝ่ายก็ยังหลงรักและให้หัวใจของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาเหมือนเดิม


เร็วเข้า! เร็วอีก!

    ลู่ฉี่ใช้มือเช็ดน้ำออกจากใบหน้า ไม่รู้ว่าเป็นคราบเลือด หยาดเหงื่อ หรือเม็ดฝนกันแน่ ร่างกายของเขาไร้ความรู้สึกไปแล้ว แม้แต่ความเจ็บปวดก็ไม่อาจรับรู้ได้ รู้เพียงแค่ว่าวิ่งไปข้างหน้าอย่างด้านชา ยิ่งวิ่งออกไปไกลเท่าไร ถนนก็ยิ่งกว้างมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเห็นแสงสว่างไกล ๆ


    ชอบจังหวะบีบคั้น น้อยมากที่จะเห็นพระเอกแนวนี้วิ่งบนความกดดันสูงสุด สุดท้ายแล้วลู่ฉี่ก็ไม่ได้เป็นคนที่เก่งทุกด้าน และไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจอย่างที่เจ้าตัวเข้าใจ


ปัง!

นาฬิกาที่เพิ่งถอดออกพลันตกลงสู่พื้น เสียงกระทบดังขึ้นแผ่วเบา

    ลู่ฉี่แข่งขาอ่อนแรง ทรุกลงกับพื้น ท่าทางตกใจสุดขีด คล้ายว่ากำลังหวาดกลัวสูญเสียบางอย่าง ...เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ลู่ฉี่รู้สึกหวาดกลัว...กลัวอะไร เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน


    ฉากนี้ อยากผลักคนขับรถคนนั้นมาก ไม่เห็นเหรอว่าเขาบาดเจ็บน่ะ! แล้วนายไม่ได้ยินเสียงปืนหรือไง! เป็นฉากต่อเนื่องที่ให้อารมณ์ดีค่ะ กดดันพระเอกจนกระทั่งเผยด้านที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นออกมา ส่วนตัวชอบมาก ๆ


“ขอแค่นายยังมีชีวิตอยู่ อะไรก็ได้”

    ไม่ว่าชาติก่อน หรือชาตินี้ ลู่ฉี่ไม่เคยให้สัญญาที่ยุติธรรมเช่นนี้มาก่อน หากคนผู้นั้นต้องการทรัพย์สินทั้งหมดของเขา ก็ยังไม่ยากเท่าควักหัวใจและปอดของเขาไป แต่เขารู้แก่ใจดีว่าฮั่วหมิงเชินไม่ต้องการ

...

    แม้แต่ในเวลาระหว่างความเป็นความตาย ผู้ชายคนนี้ก็ไม่พูดหวาน ๆ อย่างฉันรักนาย นายรักฉันออกมาให้ได้ยิน คล้ายว่าสมองขาดการคิดพิจารณามาตั้งแต่กำเนิด เลือดเย็นโดยแท้ หรือพูดว่าเฉลียวฉลาดเกินไปก็ได้จึงไม่ปล่อยให้อารมณ์ควบคุมความคิด ทั้งนิ่งจนน่ากลัว

    แต่ไม่เป็นไร ฮั่วหมิงเชินมีวิธีรักษาเขา

    เห็นไหม ฮั่วหมิงเชินไม่ได้ถามลู่ฉี่ว่าชอบหรือไม่ชอบเหมือนกับคนอื่น เขาไม่ใช่คนพูดจาไร้สาระอยู่แล้ว เขาเอ่ยแค่ประโยคเดียว

“ถ้าอย่างนั้นนายเต็มใจที่จะเอาเงินทั้งหมดมาเก็บไว้ที่ฉันไหมล่ะ”

    ...เหมือนลู่ฉี่จะเข้าใจบางอย่างแล้ว เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมา...กระแสลมพัดผ่าน ขณะที่สายฝนโปรยปรายลงมา เขาพยักหน้าราวกับยอมรับในชะตากรรมของตนเอง

“...ฉันเต็มใจ” เขาพูด “เอาไปสิ”

    ฮั่วหมิงเชินใช้เวลาสองชาติ สองชีวิต ในที่สุดก็ทำให้เลือดและหัวใจของคนผู้นี้อุ่นร้อน


    คำบอกรักที่ไม่มีคำว่า “รัก” แล้วฮั่วหมิงเชินก็เข้าใจลู่ฉี่มากพอจะเลือกถามได้ตรงจุดด้วยเรื่อง “เงิน” ลูกรักพระเอกแทน 55555 เป็นอีกหนึ่งฉากที่ชอบมากเลยค่ะ




ฉากประทับใจโลกที่ 2:

    ไม่มีหัวใจของผู้ใดแข็งกระด้างแต่กำเนิดทุกคนล้วนต้องเคยผ่านวัยฟุ้งซ่านมาแล้วทั้งสิ้น ก่อนอายุสิบขวบเสิ่นเมี่ยวผิงยังจดจำผู้หญิงคนนั้นได้ บางครั้งมักจะสงสัยว่ามารดาทิ้งตนเองไปแล้ว ไม่ต้องการเขาแล้ว หรือแต่งงานกับผู้ชายที่ดีกว่า และให้กำเนิดบุตรอีกคน นอกจากนี้ยังมีความคิดอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่ภายหลังเขาเพิ่งเข้าใจ ไม่ว่าเรื่องใดต้องคิดในทางที่ดี

    ดังนั้นเสิ่นเมี่ยวผิงจึงคาดเดาว่ามารดาของเขาอาจจะเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปดูงาน มีเพียงสิ่งนี้ที่ช่วยบรรเทาความขุ่นเคืองในใจของเขาลง ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก

    ทันใดนั้นเสิ่นเมี่ยวผิงก็รู้สึกตัว เซี่ยอวี้จือได้ทิ้งทางหนีทีไล่ไว้ให้เขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทางออกของชีวิต สิ่งที่ทำได้ก็ทำแล้ว สิ่งที่คิดได้ก็คิดแล้ว


    พระเอกแต่ละคนมีปมต่างกัน ถ้าคนก่อนเป็นเพราะตัวเขาเอง คนนี้ก็เป็นเพราะสังคมหล่อหลอมให้เขาเป็น เมื่อทะลุมิติมาเจอกับคนที่รักเขาอย่างจริงใจ ไม่ว่าอะไรก็คิดเผื่อเขาไว้แทบทุกอย่าง เขาถึงได้สามารถเป็นตัวเขาในแบบที่ควรจะเป็นมาตลอดได้ ;---;


    กล่าวกันว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดคือกุญแจที่แน่นหนาที่สุด แต่ยังมีคำกล่าวอีกว่า ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา พันลี้แห่งแม่น้ำและขุนเขาไม่อาจย้อนคืน เซี่ยอวี้จืออาจสามารถต่อสู้กับคนนับล้าน แม้ต้องตายสักเก้าครั้งก็ไม่หวั่นเกรง แต่เขากลับกลัวว่าหลังตนสิ้นใจ เสิ่นเมี่ยวผิงจะมีชีวิตตกต่ำ

    เซี่ยอวี้จือมีชีวิตหนึ่งวัน ก็ปกป้องเขาได้หนึ่งวัน แต่หากเสิ่นเมี่ยวออกจากบ้านสกุลเซี่ยไป หายไปต่อหน้าต่อตาเขา ก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องชีวิตนี้อีกแล้ว...


    เราเป็นคนแพ้ทางตัวละครที่มีนิสัยปกป้องคนรักแบบสุด ๆ อย่างเซี่ยอวี้จือมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าจะขอพาดพิงอีกคน ที่ตอนอ่านทำเรานึกถึงก็คงเป็นท่านแม่ทัพกู้ จากฆ่าหมาป่าค่ะ ตัวละครสไตล์ที่พอมีคนรักแล้วถึงเริ่มให้ความสำคัญกับชีวิต เริ่มมองอนาคต ปกป้องคนของเขาเอาไว้อย่างดีที่สุด แต่ถ้าเสียคนรักไปก็แลกเลือดด้วยเลือด ส่วนชีวิตตัวเองก็ไม่สำคัญอีกแล้ว // อยากกดอิโมจิหัวใจรัว ๆๆๆ //


“...เซี่ยอวี้จือ”

    เสิ่นเมี่ยวผิงเอนหลังพิงต้นไม้ ละสายตาจากศพตรงหน้า มือล้วงลึกเข้าไปในดินโคลน หางตาหรี่ลง พูดชื่อของเซี่ยอวี่จือ ออกมา ปลายเท้าที่คิดจะหนีหยุดชะงัก ราวกับสามคำนี้ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจยิ่งกว่าคำว่า ‘อมิตตาพุทธ’ เสียอีก

    ความรู้สึกไม่สบายใจเป็นเรื่องแปลกสำหรับวัยนี้ นานมากแล้วที่เสิ่นเมี่ยวผิงไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับใครหรือสิ่งใด กระทั่งเมื่อวินาทีก่อน


    สิ่งที่ชอบเวลาอ่านตัวเอกมีนิสัยไม่ดีบางอย่าง จากตนเอง หรือจากสภาพแวดล้อมแล้วเขามีพัฒนาการแก้ปมตรงได้นั้น เป็นอะไรที่เราชอบมากเลยค่ะ โดยเฉพาะการมีจังหวะให้เราสะกิดรู้แล้วว่า เนี่ยแหละ คือเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป หรือขยี้สักจุดหนึ่งเพื่อให้รู้ว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาเนี่ยแหละสะสมให้คนคนนี้เป็นแบบนี้ในตอนท้าย เราชอบมากค่ะ


    คล้ายว่าอีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลัง จึงเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยอวี้จือทันที ใบหน้าหล่อเหลาของคนผู้นั้นเป็นสีเทา เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโคลน แต่เซี่ยอวี้จือก็ยังจำเขาได้

“เสิ่นเมี่ยวผิง...”

“ข้าไม่ไปไหน” เสิ่นเมี่ยวผิงเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว เขาพิงกำแพงมองเซี่ยอวี้จือ พูดด้วยน้ำเสียงแฝงความอวดดี ก่อนจะย้ำอีกครั้งว่า

“ข้าไม่ไปไหน”

    ลูกกระเดือกของเซี่ยอวี้จือขยับเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร สุดท้ายเสิ่นเมี่ยวผิงใช้มือยันกำแพงลุกขึ้นยืน ยกยิ้มแล้วรั้งเขาเข้าสู่อ้อมแขนเฉกเช่นหลายค่ำคืนที่ผ่านมา จากนั้นเอื้อมมือไปลูบสัมผัสแผ่นหลังของอีกฝ่ายเบา ๆ

“ไม่เป็นไร พวกเราไม่เป็นไรแล้ว”

“ข้าไม่ไปไหน และจะไม่แต่งกับผู้ใดอีก ข้าจะอยู่กับท่านไปชั่วชีวิต”


    เราชอบท่อนสุดท้ายของโลกสองมาก ๆ ค่ะ ช่วงพีคหลัง ๆ มีแต่จุดที่ทำให้ชอบ แม้ว่าคนนี้จะเผยความหวั่นไหวออกมาในนาทีสำคัญ แต่เรารู้สึกได้ว่า เขาก็รักของเขามากจริง ๆ ค่ะ



    555555 มายาวอีกแล้ววว ใครตามมาจนถึงตอนนี้ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะะ อ่านแล้วชอบฉากไหนกันบ้างมาคุยกันได้นะคะ >< 


ชาแดง







 

รีวิว แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ( 3 เล่มจบค่ะะ)

  แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ผู้แต่ง ปี่ข่าปี่ ผู้แปล จื่อซิน ผู้วาด 梨乖 酥 สำนักพิมพ์ Inltreebook เรื่องย่อ หลินชิงอวี่ แต...