รีวิว หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด (จบ)
ผู้เขียน ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ
ผู้แปล ชานมไข่มุกหวานร้อย
ผู้วาด Qian Er Bai
สำนักพิมพ์ Rose Publishing
เรื่องย่อ
ฉีเซ่อเจียง เป็นผู้สืบทอด “จื่อตี้ซู” คนสุดท้าย เขาจากโลกด้วยโรคไทฟอยด์อย่างโดดเดี่ยว แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขากลับข้ามเวลามาถึงแปดสิบปีให้หลัง ในร่างดาราหนุ่มหน้าตาดี ที่ดูเหมือนจะได้ชื่อว่าเป็นแจกันดอกไม้ของวงการ และกำลังถูกเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วเป็นลูกของดาราสาวในวงการท่านหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นแจกันดอกไม้เช่นกัน เพื่อฟื้นฟู ศิลปะแห่งชาติไม่ให้สาบสูญ ฉีเซ่อเจียงจึงเลือกที่จะยอมรับสายสัมพันธ์ครอบครัวและเลือกสายอาชีพใหม่ที่ทำให้ทั้งวงการบันเทิงต้องตกตะลึง!
ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลางถึงมาก)
หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด เป็นหนึ่งในเรื่องที่ประทับใจมากระดับต้น ๆ ของคุณ
ลาเหมียนเลยล่ะค่ะ ! ไม่ว่าจะเป็นที่ความสัมพันธ์ของสองตัวเอก การดำเนินเรื่องที่มีปมดราม่าของยุคสมัยที่ศิลปะ วัฒนธรรมเป็นเรื่องต้องห้าม การรอคอย และการนำเสนอศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเราอ่านแล้วทำให้นึกถึงบ้านเราเลยค่ะ อย่าง ฉ่อย ลำตัด รำวง หรือ แหล่ และอื่น ๆ ที่เราอาจจะไม่รู้จักหรือหายไปแล้วเหลือแต่เพียงชื่อให้ศึกษา ต้องยอมรับว่า ตอนอ่านเรื่องนี้อาจไม่เข้าใจถึงรูปแบบการร้องรำต่าง ๆ เพราะไม่คุ้นเคย ทว่าพออ่านถึงจังหวะตัวเอกขึ้นแสดง เราจะมีการเชื่อมโยงมาที่ศิลปะบ้านเราเลยค่ะ อ่านแล้วก็รู้สึกนับถือนักเขียน ไม่ง่ายจริง ๆ ที่จะย่อยสิ่งเหล่านี้ลงมาให้ติดตามในแบบของนิยายแล้วสนุก ถ้าทางบ้านเรามี ก็น่าสนใจมากจริง ๆ ค่ะ ส่งกำลังใจให้เหล่าคุณนักเขียนนน ใด ๆ สำหรับเรื่อง หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด จัดว่าเราชอบมากแบบที่หยิบซ้ำ ๆ ได้ พอ ๆ กับครึ่งเซียนฯ เลยค่ะ ! แน่นอนว่าพระเอกไทป์ของเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด ซึน ค่ะ 5555555
หน้าตางามเลิศล้ำเป็นเหตุ
เหมือนพูดมาไม่มีชื่อพระเอกปรากฏเลยนะคะ 555555
ฉีเซ่อเจียง ตื่นขึ้นมาในร่างดาราหนุ่ม ซึ่งเขาพบว่าเป็นช่วงเวลาในอีกแปดสิบปีถัดมาหลังจากเขาเสียชีวิต ในชีวิตก่อนเขาเป็นศิลปินพื้นบ้านที่ทำมาหากินด้วย ‘เซี่ยงเซิง’ อืมมม ถ้าเล่าตามความเข้าใจของเรา เซี่ยงเซิงมีความคล้ายเดี่ยวไมค์โครโฟน หรือ ฉ่อย ผสมกัน << อันนี้เทียบด้วยขอบเขตความรู้ศิลปะพื้นของเราที่มีอยู่จำกัดนะคะ >> แต่มีรูปแบบและจังหวะสอดรับของคำขึ้นและคำลงเป็นของตัวเอง เป็นการเล่าเรื่องที่สอดแทรกมุกตลกเข้าไป ต้องใช้ไหวพริบของผู้แสดง และข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมาก ๆ ตอนอ่านเราค่อนข้างเพลินไปกับเราบรรยายแสดงของอาชีพนี้มาก ๆ เลยค่ะ สิ่งที่เราว้าวอย่างหนึ่งของเซี่ยงเซิงก็คือ ศิลปินต้องออกตามหา ‘คู่’ ของตนเองค่ะ ดีงามมากกก ฮิคารุเซียนโกะสุด ๆ เลยค่ะ (อะไรของเรา 55555)
สำหรับตัวของฉีเซ่อเจียงในปัจจุบันเมื่อเขายอมรับให้คุณแม่เปิดเผยความสัมพันธ์แม่ลูก เขาก็เดินหน้าในการเปลี่ยนจากเป็นดารา มุ่งสู่เส้นทางเซี่ยงเซิง แน่นอนว่า ฝั่งศิลปินพื้นบ้านค่อนข้างยอมรับผู้มีที่มีอาจารย์ หรือฝึกประกอบอาชีพสายนี้อย่างจริงจัง ฉีเซ่อเจียงจึงต้องพิสูจน์ฝีมือให้พวกเขาเห็น ขณะเดียวกัน ฐานะดาราของเขาก็ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มติดตามด้วยความสงสัยว่า เขาร้องอะไร ? เซี่ยงเซิงคืออะไร? เขาจะเลิกเป็นดาราจริง? หรือนี่ก็แค่ ข้ามสายชั่วคราว!? หน้าตาดีขนาดนี้ ไม่น่าทิ้งวงการบันเทิงนะ!
ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าโทรศัพท์กดโทรออกยังไง
มาค่ะ ทางนี้ค่ะพระเอก “จางเยว์” พิเศษในเครื่องหมายคำพูดให้เขาสักหน่อย ชดเชยที่กว่าครึ่งของการเล่ายังไม่ได้กล่าวถึงเลยแม้แต่ในความรู้สึก 555555 พระเอกคนนี้แสบตรงที่ เขาเป็นนักร้องวงไอดอล ที่เดบิวต์มาด้วยทุกคนรู้นิสัยว่า เจ้าตัวไม่ค่อยไว้หน้าใคร หรือพูดง่าย ๆ คือปากเสียประจำ แน่นอนว่า ฉีเซ่อเจียง ก็เคยโดนเขาแซะตอนเข้าร่างใหม่ ๆ แล้วนั่งนิ่ง ๆ ไม่ตอบอะไร ดังนั้น ตอนที่พบกันหน้าตึกบริษัท แล้วฉีเซ่อเจียงเดินเข้าไปถามจางเยว์ว่ามือถือกดยังไง เพราะเขามาจากแปดสิบปีก่อน ใช้ของทันสมัยยังไม่ค่อยเป็น (มีความ Culture Shock สมอายุจริงสุด ๆ ค่ะ) พ่อพระเอกจางเยว์เลยคิดว่าตัวเองโดนหาเรื่องค่ะ หลังจากนั้นพอฟังเพลงที่ฉีเซ่อเจียงร้องครั้งแรก แล้วคนพากันฟังไม่ออกว่าเขาร้องอะไร แล้วหาว่าเขาร้องเพี้ยง จางเยว์กลับเป็นคนที่ฟังแล้วชอบ ไม่ใช่แค่ฟังซ้ำ ๆ จนร้องตามได้ด้วยนะคะ ปรับแต่งจนสมบูรณ์กว่าตอนฉีเซ่อเจียงขึ้นโชว์กับคุณแม่ได้ด้วยค่ะ! จางเยว์ไม่ได้แซะอีก มีโต้คนโน้นคนนี้คืนให้ด้วยหลังฟังเพลงนั้น พอได้มาร่วมงานกันจริง ๆ ยิ่งเข้ากันได้ดีมากกกกกกกกกกกกก ความจางเยว์แต่เพลงเองเป็นอะค่ะ เขามาช่วยฉีเซ่อเจียงเรียบเรียงเพลงพื้นบ้านให้ทันสมัย คือเคมีดี จริง ๆ
เหมือนเราจะเล่าความสัมพันธ์คู่นี้ไปแล้ว 55555
จุดเริ่มต้นคู่นี้ ตามด้านบนเลยค่ะ แน่นอนว่า เรื่องคุณลาเหมียนยังคงคอนเซ็ปต์ พระเอกตกหลุมรักก่อนเหมือนเดิม เพิ่มเติมที่ ฉีเซ่อเจียง…คนผ่านโลกมาเยอะ เขาดูออกค่ะ แต่เพราะมีปมในใจ ปมเวลา หลาย ๆ อย่างติดตามมาตั้งแต่แปดสิบปีก่อน ดังนั้น พอเขายังเคลียร์ไม่ได้ เลยไม่กล้าแสดงออกว่าตนคิดยังไง แต่แบบ เราชอบมากจริง ๆ ที่เนื้อเรื่องทำให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป แล้วจางเยว์มักเป็นคนที่อยู่ตรงนั้นและอยู่ในเวลาที่ฉีเซ่อเจียงไม่มีใครเสมอ แถมพระเอกคนนี้ ยังละเอียดอ่อนกว่าที่เห็นภายนอกมาก อยากแนะนำให้ลองอ่านค่ะ ถ้าชอบแนวนี้ พระเอกซัปพอร์ตดีมากจริง ๆ ฉากพาขี่หลังเพราะรู้ว่าเจ็บเท้า หรือฉาก “จะแปดสิบปี หรือตอนนี้ไม่สำคัญ แค่เป็นนายที่อยู่ตรงนี้ก็พอ” << ประโยคคร่าว ๆ จากความทรงจำสีจาง >> ดีงามมากค่า
รู้สึกเหมือนเกือบหลุดสปอยล์มาก หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด เล่าเพลินมากจริง ๆ ค่ะ ยิ่งเล่ายิ่งนึกถึง ยิ่งรู้สึกอยากชวน Talk 5555 แต่วันนี้ต้องมาเร็วไปเร็ว รีวิวในทวิตมาสักพักแล้ว แต่มีอะไรให้ป้ายยาอีกเยอะเลยค่ะเรื่องนี้ ตอนพิเศษคือดีงามเช่นกัน เป็นการยกพระเอกย้อนกลับไปแปดสิบปีก่อน แวะสปอยล์นิด ๆ ว่า ชอบความพี่ชาย ตอนแรกหวั่นใจน้องชายไปติดนักร้อง (เซี่ยงเซิง) กลัวน้อง (ก็คือพระเอก) เปย์เงินเสียคน เลยย่องตามไป ปรากฏ ดันไปเห็นว่าน้องชาย (ที่ร่ำรวยมากของตน) ดันให้นักร้องเปย์ตัวเอง! พี่ยอมไม่ได้ เสียหน้ามหาเศรษฐี! เอาหีบทองไปเปย์นักร้องเดี๋ยวนี้!
// จางเยว์ : …ให้เงินผมทำไม ผมใช้เงิน (ยุคนี้) ไม่เป็น (555555)
เอาเป็นว่า ถือว่าเรา Talk ไปในตัวนะคะ แบบบบบบ ไม่คิดจริง ๆ ว่าเรื่องนี้จะเล่าเพลิน ของป้ายยาอย่างเป็นทางการค่ะ //พับไมค์
เพ้อเจ้อชื่อเรื่อง
สักนิดดดด ด้วยตอนอ่านจบ เราเลยพอจะนึกภาพเซี่ยงเซิงได้บ้าง เลยแอบคิดว่า จริง ๆ แล้วชื่อเรื่องเองก็คือ การเรียบเรียงแบบเซี่ยงเซิงไหมนะคะ ความรู้สึกเราดูใช่ รู้สึกว้าวมากค่ะ ! << คิดเอาเองว่าน่าจะใช่
ชาแดง