วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2566

รีวิว หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด (จบ)

 




รีวิว หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด (จบ)

ผู้เขียน ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ

ผู้แปล ชานมไข่มุกหวานร้อย

ผู้วาด Qian Er Bai

สำนักพิมพ์ Rose Publishing

เรื่องย่อ

    ฉีเซ่อเจียง เป็นผู้สืบทอด “จื่อตี้ซู” คนสุดท้าย เขาจากโลกด้วยโรคไทฟอยด์อย่างโดดเดี่ยว แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขากลับข้ามเวลามาถึงแปดสิบปีให้หลัง ในร่างดาราหนุ่มหน้าตาดี ที่ดูเหมือนจะได้ชื่อว่าเป็นแจกันดอกไม้ของวงการ และกำลังถูกเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วเป็นลูกของดาราสาวในวงการท่านหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นแจกันดอกไม้เช่นกัน เพื่อฟื้นฟู ศิลปะแห่งชาติไม่ให้สาบสูญ ฉีเซ่อเจียงจึงเลือกที่จะยอมรับสายสัมพันธ์ครอบครัวและเลือกสายอาชีพใหม่ที่ทำให้ทั้งวงการบันเทิงต้องตกตะลึง!


ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลางถึงมาก)

    หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด เป็นหนึ่งในเรื่องที่ประทับใจมากระดับต้น ๆ ของคุณ
ลาเหมียนเลยล่ะค่ะ ! ไม่ว่าจะเป็นที่ความสัมพันธ์ของสองตัวเอก การดำเนินเรื่องที่มีปมดราม่าของยุคสมัยที่ศิลปะ วัฒนธรรมเป็นเรื่องต้องห้าม การรอคอย และการนำเสนอศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเราอ่านแล้วทำให้นึกถึงบ้านเราเลยค่ะ อย่าง ฉ่อย ลำตัด รำวง หรือ แหล่ และอื่น ๆ ที่เราอาจจะไม่รู้จักหรือหายไปแล้วเหลือแต่เพียงชื่อให้ศึกษา ต้องยอมรับว่า ตอนอ่านเรื่องนี้อาจไม่เข้าใจถึงรูปแบบการร้องรำต่าง ๆ เพราะไม่คุ้นเคย ทว่าพออ่านถึงจังหวะตัวเอกขึ้นแสดง เราจะมีการเชื่อมโยงมาที่ศิลปะบ้านเราเลยค่ะ อ่านแล้วก็รู้สึกนับถือนักเขียน ไม่ง่ายจริง ๆ ที่จะย่อยสิ่งเหล่านี้ลงมาให้ติดตามในแบบของนิยายแล้วสนุก ถ้าทางบ้านเรามี ก็น่าสนใจมากจริง ๆ ค่ะ ส่งกำลังใจให้เหล่าคุณนักเขียนนน ใด ๆ สำหรับเรื่อง หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด จัดว่าเราชอบมากแบบที่หยิบซ้ำ ๆ ได้ พอ ๆ กับครึ่งเซียนฯ เลยค่ะ ! แน่นอนว่าพระเอกไทป์ของเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด ซึน ค่ะ 5555555


หน้าตางามเลิศล้ำเป็นเหตุ

        เหมือนพูดมาไม่มีชื่อพระเอกปรากฏเลยนะคะ 555555

    ฉีเซ่อเจียง ตื่นขึ้นมาในร่างดาราหนุ่ม ซึ่งเขาพบว่าเป็นช่วงเวลาในอีกแปดสิบปีถัดมาหลังจากเขาเสียชีวิต ในชีวิตก่อนเขาเป็นศิลปินพื้นบ้านที่ทำมาหากินด้วย ‘เซี่ยงเซิง’ อืมมม ถ้าเล่าตามความเข้าใจของเรา เซี่ยงเซิงมีความคล้ายเดี่ยวไมค์โครโฟน หรือ ฉ่อย ผสมกัน << อันนี้เทียบด้วยขอบเขตความรู้ศิลปะพื้นของเราที่มีอยู่จำกัดนะคะ >> แต่มีรูปแบบและจังหวะสอดรับของคำขึ้นและคำลงเป็นของตัวเอง เป็นการเล่าเรื่องที่สอดแทรกมุกตลกเข้าไป ต้องใช้ไหวพริบของผู้แสดง และข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมาก ๆ ตอนอ่านเราค่อนข้างเพลินไปกับเราบรรยายแสดงของอาชีพนี้มาก ๆ เลยค่ะ สิ่งที่เราว้าวอย่างหนึ่งของเซี่ยงเซิงก็คือ ศิลปินต้องออกตามหา ‘คู่’ ของตนเองค่ะ ดีงามมากกก ฮิคารุเซียนโกะสุด ๆ เลยค่ะ (อะไรของเรา 55555)

    สำหรับตัวของฉีเซ่อเจียงในปัจจุบันเมื่อเขายอมรับให้คุณแม่เปิดเผยความสัมพันธ์แม่ลูก เขาก็เดินหน้าในการเปลี่ยนจากเป็นดารา มุ่งสู่เส้นทางเซี่ยงเซิง แน่นอนว่า ฝั่งศิลปินพื้นบ้านค่อนข้างยอมรับผู้มีที่มีอาจารย์ หรือฝึกประกอบอาชีพสายนี้อย่างจริงจัง ฉีเซ่อเจียงจึงต้องพิสูจน์ฝีมือให้พวกเขาเห็น ขณะเดียวกัน ฐานะดาราของเขาก็ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มติดตามด้วยความสงสัยว่า เขาร้องอะไร ? เซี่ยงเซิงคืออะไร? เขาจะเลิกเป็นดาราจริง? หรือนี่ก็แค่ ข้ามสายชั่วคราว!? หน้าตาดีขนาดนี้ ไม่น่าทิ้งวงการบันเทิงนะ!


ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าโทรศัพท์กดโทรออกยังไง

    มาค่ะ ทางนี้ค่ะพระเอก “จางเยว์” พิเศษในเครื่องหมายคำพูดให้เขาสักหน่อย ชดเชยที่กว่าครึ่งของการเล่ายังไม่ได้กล่าวถึงเลยแม้แต่ในความรู้สึก 555555 พระเอกคนนี้แสบตรงที่ เขาเป็นนักร้องวงไอดอล ที่เดบิวต์มาด้วยทุกคนรู้นิสัยว่า เจ้าตัวไม่ค่อยไว้หน้าใคร หรือพูดง่าย ๆ คือปากเสียประจำ แน่นอนว่า ฉีเซ่อเจียง ก็เคยโดนเขาแซะตอนเข้าร่างใหม่ ๆ แล้วนั่งนิ่ง ๆ ไม่ตอบอะไร ดังนั้น ตอนที่พบกันหน้าตึกบริษัท แล้วฉีเซ่อเจียงเดินเข้าไปถามจางเยว์ว่ามือถือกดยังไง เพราะเขามาจากแปดสิบปีก่อน ใช้ของทันสมัยยังไม่ค่อยเป็น (มีความ Culture Shock สมอายุจริงสุด ๆ ค่ะ) พ่อพระเอกจางเยว์เลยคิดว่าตัวเองโดนหาเรื่องค่ะ หลังจากนั้นพอฟังเพลงที่ฉีเซ่อเจียงร้องครั้งแรก แล้วคนพากันฟังไม่ออกว่าเขาร้องอะไร แล้วหาว่าเขาร้องเพี้ยง จางเยว์กลับเป็นคนที่ฟังแล้วชอบ ไม่ใช่แค่ฟังซ้ำ ๆ จนร้องตามได้ด้วยนะคะ ปรับแต่งจนสมบูรณ์กว่าตอนฉีเซ่อเจียงขึ้นโชว์กับคุณแม่ได้ด้วยค่ะ! จางเยว์ไม่ได้แซะอีก มีโต้คนโน้นคนนี้คืนให้ด้วยหลังฟังเพลงนั้น พอได้มาร่วมงานกันจริง ๆ ยิ่งเข้ากันได้ดีมากกกกกกกกกกกกก ความจางเยว์แต่เพลงเองเป็นอะค่ะ เขามาช่วยฉีเซ่อเจียงเรียบเรียงเพลงพื้นบ้านให้ทันสมัย คือเคมีดี จริง ๆ


เหมือนเราจะเล่าความสัมพันธ์คู่นี้ไปแล้ว 55555

    จุดเริ่มต้นคู่นี้ ตามด้านบนเลยค่ะ แน่นอนว่า เรื่องคุณลาเหมียนยังคงคอนเซ็ปต์ พระเอกตกหลุมรักก่อนเหมือนเดิม เพิ่มเติมที่ ฉีเซ่อเจียง…คนผ่านโลกมาเยอะ เขาดูออกค่ะ แต่เพราะมีปมในใจ ปมเวลา หลาย ๆ อย่างติดตามมาตั้งแต่แปดสิบปีก่อน ดังนั้น พอเขายังเคลียร์ไม่ได้ เลยไม่กล้าแสดงออกว่าตนคิดยังไง แต่แบบ เราชอบมากจริง ๆ ที่เนื้อเรื่องทำให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป แล้วจางเยว์มักเป็นคนที่อยู่ตรงนั้นและอยู่ในเวลาที่ฉีเซ่อเจียงไม่มีใครเสมอ แถมพระเอกคนนี้ ยังละเอียดอ่อนกว่าที่เห็นภายนอกมาก อยากแนะนำให้ลองอ่านค่ะ ถ้าชอบแนวนี้ พระเอกซัปพอร์ตดีมากจริง ๆ ฉากพาขี่หลังเพราะรู้ว่าเจ็บเท้า หรือฉาก “จะแปดสิบปี หรือตอนนี้ไม่สำคัญ แค่เป็นนายที่อยู่ตรงนี้ก็พอ” << ประโยคคร่าว ๆ จากความทรงจำสีจาง >> ดีงามมากค่า


    รู้สึกเหมือนเกือบหลุดสปอยล์มาก หน้าตางามเลิศล้ำแล้วมีประโยชน์อันใด เล่าเพลินมากจริง ๆ ค่ะ ยิ่งเล่ายิ่งนึกถึง ยิ่งรู้สึกอยากชวน Talk 5555 แต่วันนี้ต้องมาเร็วไปเร็ว รีวิวในทวิตมาสักพักแล้ว แต่มีอะไรให้ป้ายยาอีกเยอะเลยค่ะเรื่องนี้ ตอนพิเศษคือดีงามเช่นกัน เป็นการยกพระเอกย้อนกลับไปแปดสิบปีก่อน แวะสปอยล์นิด ๆ ว่า ชอบความพี่ชาย ตอนแรกหวั่นใจน้องชายไปติดนักร้อง (เซี่ยงเซิง) กลัวน้อง (ก็คือพระเอก) เปย์เงินเสียคน เลยย่องตามไป ปรากฏ ดันไปเห็นว่าน้องชาย (ที่ร่ำรวยมากของตน) ดันให้นักร้องเปย์ตัวเอง! พี่ยอมไม่ได้ เสียหน้ามหาเศรษฐี! เอาหีบทองไปเปย์นักร้องเดี๋ยวนี้!

        // จางเยว์ : …ให้เงินผมทำไม ผมใช้เงิน (ยุคนี้) ไม่เป็น (555555)

    เอาเป็นว่า ถือว่าเรา Talk ไปในตัวนะคะ แบบบบบบ ไม่คิดจริง ๆ ว่าเรื่องนี้จะเล่าเพลิน ของป้ายยาอย่างเป็นทางการค่ะ //พับไมค์



เพ้อเจ้อชื่อเรื่อง

สักนิดดดด ด้วยตอนอ่านจบ เราเลยพอจะนึกภาพเซี่ยงเซิงได้บ้าง เลยแอบคิดว่า จริง ๆ แล้วชื่อเรื่องเองก็คือ การเรียบเรียงแบบเซี่ยงเซิงไหมนะคะ ความรู้สึกเราดูใช่ รู้สึกว้าวมากค่ะ ! << คิดเอาเองว่าน่าจะใช่


ชาแดง



วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2566

รีวิว คำสาบานแห่งพันธสัญญาเงือก เล่ม 1-2 (ยังไม่จบค่ะ)

 




คำสาบานแห่งพันธสัญญาเงือก เล่ม 1-2

ผู้เขียน Yin Ye

ผู้แปล REAR

ผู้วาด Qing Lan Yan Yu

สำนักพิมพ์ Clover

เรื่องย่อ

        ฉีหนาน ฟื้นหลังจากออกปฏิบัติงาน และได้รับการเลื่อนขั้น พร้อมทั้งได้สิทธิเลือกคู่เป็น เงือก ได้ อย่างไม่คาดฝัน ! มีเรื่องดี ๆ แบบนั้นเกิดขึ้นกับเขาจริง ๆ เหรอ! แทบจะเหมือนฝันไปที่เขา คนที่มีพลังจิตระดับเกือบตกมาตรฐานการเข้าเป็นทหาร กำลังกายก็กลาง ๆ จู่ ๆ ระเบิดพลังกะทันหันปราบโจรสลัดจนรอดชีวิตมาได้ และตอนนี้ การที่เขาเข้ามาเลือกเงือกเป็นคู่ครอง ยังมีเงือกสนใจคนธรรมดาอย่างเขาจนเข้ามาทักทายเอง อีกฝ่ายงดงามและน่าทะนุถนอมดูแลเป็นอย่างมาก ฉีหนานตั้งมั่นแล้วว่า จะพยายามดูแล ลั่วซิวเจ๋อ เป็นอย่างดีหลังจากนี้!

ฉีหนาน: เรื่องย่อทั้งหมดนั่นเป็นแค่ภาพลวงตา

ลั่วซิวเจ๋อ: ข้าเป็นเงือกที่อ่อนไหวบอบบางมากนะ

ฉีหนาน: … นี่คุณกำลังล้อผมเล่นใช่ไหม


ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลาง…ถึงมากค่ะ)

        คำสาบานแห่งพันธสัญญาเงือก เป็นความเสียหายจากงานหนังสือค่ะ 555555 เราอ่านเรื่องนี้จบพักใหญ่ ๆ แล้วแต่ไม่มีโอกาสเขียนเล่าถึงยาว ๆ เรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซี ไซไฟ ที่น่าติดตามมากเรื่องหนึ่งเลยค่ะ ถ้าหากว่าชอบพระเอกแปลก…แค่ก…ชอบแนวโรงเรียน ไขปริศนา สงครามระหว่างดาว และตัวละมากมายให้สองตัวเองได้สานสัมพันธ์ตั้งตี้ เรื่องนี้ก็อาจจะใช่แนวค่ะ ซึ่งตอนเริ่มอ่านเราไม่คิดว่าจะออกมาเป็นแนวนี้เลยค่ะ ส่วนตัวคือ สนุก! ปมปัญหาโยงใยมากกว่าที่คิด ถ้าใครกำลังสนใจว่าเรื่องนี้เป็นแนวประมาณไหน ปูเสื่อนั่งกันสักครู่นะคะ


คุณพาเสี่ยวเจ๋อของผมไปไหวไหน

        จริง ๆ…เรื่องนี้นำโดยคนนี้เป็นส่วนใหญ่ ต่างหากค่ะ 555555 ลั่วซิวเจ๋อ เจ้าชายเงือกที่ตื่นขึ้นมาจากการจำศีลเพื่อเปลี่ยนสภาพร่างกายและก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ต้องพบว่า เหลือเขาเพียงตนเดียวในท้องมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ และเหนือน้ำนั้น กำลังมีหุ่นรบต่อสู้กัน ด้วยหุ้นที่กำลังได้เปรียบยิงปืนเลเซอร์เฉียดเส้นผมของเขา ลั่วซิวเจ๋อจึงตอบโต้อีกฝ่ายด้วยพลังจิตระดับสูง ทำลายสมองศัตรูโดยตรง ทำให้ ฉีหนาน ที่ถูกไล่ต้อนจนเกือบพลาดท่า รอดชีวิตมาได้ ด้วยความจริงใจ และความซื่อของฉีหนาน ลั่วซิวเจ๋อจึงเลือกให้อีกฝ่ายมาพบตัวเองโดยไม่เก็บทิ้งท้องทะเลไปอีกคน แน่นอนว่าเรื่องที่ฉีหนานตรงสเป็คเขามาก ไม่เกี่ยวเลยสักนิด แค่ก ลั่วซิวเจ๋อค่อนข้างประทับใจความตรงไปตรงมาของฉีหนาน จึงเลือกใช้พลังจิตอ่านความทรงจำของอีกฝ่ายจนรู้ประวัติชีวิต และความผิดปกติจากการโดนวางยาของฉีหนาน รวมถึงความเป็นไปของโลกนี้ ลั่วซิวเจ๋อตัดสินใจเปลี่ยนแปลงความทรงจำฉีหนานเล็กน้อย ให้เขาลืมตนเองไปชั่วคราว และปลอมตัวเป็น เงือก ในแบบที่คนบนโลกนี้รู้จักกัน แน่นอนว่า เจ้าชายท่านนี้เลือกที่จะรอให้ฉีหนานก้าวเท้าเข้ามาเลือกเขาเป็นคู่ด้วยตนเอง …เขาไม่ได้บังคับอีกฝ่ายเลือกเขาเลยสักนิด แค่จูงใจ! (ค่ะพี่)

ฉีหนาน: ประกาศหาเสี่ยวเจ๋อเงือก (ไม่) น้อยบอบบาง ไม่ทราบว่าใครเห็นบ้างไหม

ลั่วซิวเจ๋อ: อยู่ทางนี้ อยู่ตรงหน้า จะไปหาที่ไหนอีก

ฉีหนาน: …บางทีผมอาจจะยังไม่ตื่น //โดนหางฟาดปลุก//


เกล็ดแห่งพันธสัญญาคู่ชีวิต

        ถึงลั่วซิวเจ๋อจะดูมัดมือชกฉีหนาน แต่คุณเจ้าชายเขาก็คิดแล้วว่า เขาสามารถมีสิ่งตอบแทนฉีหนานได้ ด้วยจริง ๆ แล้วฉีหนาน เป็นคนสกุลฉี ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ แต่เพราะตัวเขามีพลังจิตและพลังกายระดับต่ำ จึงถูกขับออกจากตระกูล กลายเป็นคนที่ไม่สามารถกลับไปเหยียบดาวเมืองหลวงได้ แต่จากการตรวจสอบด้วยพลังจิตของลั่วซิวเจ๋อ เขาพบว่าฉีหนานถูกวางยา ทำให้สะกดพลังที่แท้จริงของเขาเอาไว้ แถมฉีหนานมีพลังพิเศษ ที่ต่อต้านพลังจิตสายควบคุมของเขาได้ (ต้องบอกว่าคุณลั่วระดับพลังจิต SS แบบพิเศษที่ควบคุมหได้ถึงสมอง แต่น้องฉีเขาสามารถต่อต้านได้ระดับหนึ่งทั้งที่พลังถูกสะกดอยู่ระดับต่ำ) ดังนั้น ลั่วซิวเจ๋อจึงเลือกฉีหนานมาเป็นคู่ตามกฎหมายเพื่อทำให้ตัวเองตามหาเผ่าพันธุ์เจอ ขณะเดียวกันเขาก็ตามหายาสูตรโบราณที่เขาเคยศึกษามาช่วยอีกฝ่ายถอนยา อีกทั้งช่วยฝึกฝนให้เก่งขึ้นอีกด้วย…ทว่า เขาคาดการณ์ความโหดร้ายของคนวางยาผิดไป ยาตัวนี้ไม่ได้ทำหน้าที่แค่สะกด แต่ยังจำกัด และพร้อมกำจัด เจ้าของร่าง ถ้าอีกฝ่ายคิดพัฒนาตัวเองเกินกว่านี้ ความทรมานจะกัดกินฉีหนานถึงชีวิต…ลั่วซิวเจ๋อไม่เคยคิดทำร้ายฉีหนาน และเขาค่อนข้างประทับใจอีกฝ่ายมาก ๆ ด้วย นั่นจึงทำให้เจ้าชายยอมดึง ‘เกล็ด’ พิเศษของเงือกออกมาช่วยชีวิตอีกฝ่าย เกล็ดที่ควรมอบให้กับคู่ชีวิต…ดังนั้นต่อจากนี้ เขาจะดูฉีหนานไว้ให้ดี ถ้าพวกเขาสามารถพัฒนาเป็นคู่ชีวิตจริง ๆ ได้ ด้วยสัญชาตญาณเผ่าพันธุ์เงือก เขาไม่ปล่อยให้ฉีหนานเป็นอะไรไปแน่!


เจ้านึกถึงสถานะตัวเองแล้วหรือยัง…

        อืม…คู่นี่น่ะนะคะ เป็นอารมณ์ว่า ตกกระไดพลอยโจน จุดเริ่มต้นเราค่อนข้างสงสารฉีหนานนิด ๆ เขาตั้งใจแต่งงานเป็น ‘เสี่ยวเจ๋อ’ จริง ๆ แต่ฝันสลาย พอความทรงจำกลับมาถึงได้รู้ว่าความรู้สึกย้อนแย้งระหว่างทำความรู้จัก ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ ‘บอบบาง’ หมายถึงอะไร และความสัมพันธ์หลังจากนั้นคือค่อยเป็นค่อยไปเลยค่ะ อยู่กับการฝึก และฝึก มีโมเม้นต์รังแกกันอยู่ตลอด (หมายถึงใช้หางฟาดเวลาฉีหนานคิดจะอู้) ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปของทั้งสองคนเลยค่อย ๆ เห็นได้ในทุก ๆ จังหวะค่ะ เราเลยค่อนข้างชอบ ยิ่งพอฉีหนานเริ่มมีศักยภาพพร้อมขับหุ่นอย่างที่ตัวเองชอบ ตอนนั้นยิ่งสนุกค่ะ เราชอบโมเม้นต์แบบ ฉีหนานยังไม่ชำนาญสนาม แต่พอมีลั่วซิวเจ๋อที่เก่งด้านการวางกลยุทธ์ และการต่อสู้มาชี้แนะ หรือบอก ฉีหนานทำได้ไหลลื้นมาก แบบสไตล์คู่นี้คือ แม่ทัพกับคุณพลคู่ในเลยค่ะ ยิ่งขึ้นเล่มสองยิ่งชัดเจนมากกกกกก โดยเฉพาะช่วงท้ายที่ฉีหนานฝึกจนตามสู้เคียงข้างด้วยทัน คือสนุกมาก อยากอ่านเล่มสามต่อเลยค่ะ!


       พอได้เล่า คำสาบานแห่งพันธสัญญาเงือก ก็รู้สึกอยากกลับไปอ่านค่ะ โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของทั้งคู่ เอาจริง ๆ ฝั่งเจ้าชายเงือกเขารู้ตัวก่อนค่ะ ส่วนทางฉีหนานคือ มึนงงกับความรู้สึกตัวเอง ระหว่างนี่เป็นความรู้สึกอยากแกร่งขึ้นให้ลั่วซิวเจ๋อยอมรับ แต่ก็รู้สึกอยากให้อีกฝ่ายใส่ใจตัวเองมากขึ้นไปอีก ซึ่งคุณเจ้าชายคือ รอค่ะ รอให้ฉีหนานคิดออก เฮ้อออ เราชอบจุดที่ลั่วซิวเจ๋อเข้าใจความรู้สึกฉีหนานเรื่องตระกูลฉีด้วยค่ะ เขาย้ำตลอดว่าอย่าดูถูกตัวเอง และพยายามทำให้ฉีหนานมั่นใจมากขึ้น ไม่ด้อยค่าตัวเองอย่างที่ตระกูลทำใส่เขามาตลอด ส่วนทางฉีหนานเองก็ค่อยสนับสนุนคอยเตือนความเป็นจริงในปัจจุบันให้ลั่วซิวเจ๋อ ว่าเขาในวันนี้ ไม่ใช่เจ้าชายของใครอีกแล้ว ดังนั้น เขาจะมีแต่ฉีหนาน ที่เชื่อใจเต็มร้อยไม่ได้ เขาต้องดึงคน รวบรวมคนให้ยอมรับ เพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือเรื่องเผ่าพันธุ์ ให้ได้มากกว่านี้ …

       ส่วนตัวสนุกค่ะ คู่นี้น่าติดตาม สเกลดูเริ่มแตกขยาย ความสัมพันธ์หลังจากคุณเจ้าชายลั่วชอบน้องฉี ก็แบบ ดีงามมมมมมมม



เมื่อฉีหนานประสบเหตุภายนอก…

ซิเรียส: เจ้าเด็กฉี ยังต้องให้ฉันดูแลเขาที่ไหน ดูผู้ชายที่มากับเขาสิ!

ครูสาขาของฉีหนาน: กับคนมากมายนายหวงเขาขนาดนี้ ทำไมตอนฝึกไม่เข้มงวดน้อยลงให้นักเรียนฉีสักหน่อย

เมื่ออยู่กับฉีหนานสองคน…

ฉีหนาน: พอทีเถอะ ฉันวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว

ลั่วซิวเจ๋อ: ยังไม่ครบชั่วโมง วิ่งต่อไป //หางฟาด//

…เป็นดังคำกล่าว ข้ารังแกคนรักได้เพียงคนเดียว


ชาแดง


วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566

รีวิว + สปอยล์ เกมปริศนาสอบมรณะ เล่ม 1 (ยังไม่จบบ)

 




รีวิว + สปอยล์ เกมปริศนาสอบมรณะ เล่ม 1

ผู้เขียน มู่ซูหลี่

ผู้แปล ใบไม้แดง

สำนักพิมพ์ Minerva Book

เรื่องย่อ

        โหยวฮั่ว ถูกดึงเข้ามิติประหลาดพร้อมกับลุงและลูกพี่ลูกน้องของเขา ในที่แห่งนี้ พวกเขาและคนอีกกลุ่มหนึ่งต้องผ่าน ‘สนามสอบ’ ไปให้ได้จึงจะสามารถกลับสู่โลกแห่งความจริงได้ ซึ่งระหว่างการสอบนี้ผู้ที่ทำผิดกฎจะถูกผู้คุมสอบลงโทษ ในสนามสอบแรกของโหยวฮั่ว มีผู้คุมสอบ ฉินจิว ผู้มีเลขตัวเดียวเป็นเลขประจำตัวอยู่ในระดับหัวหน้าคอยคุมการสอบ แต่ไม่รู้ผู้คุมเขานึกติดใจอะไรเขานัก ถึงได้ดูตามติดกันไปคุมสอบกันหลายสนาม…นี่คือ บังเอิญ?


ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ค่อนข้างมากในเล่มแรกค่ะ)

        …เหมือนเราอ่านคุณมู่ซูหลี่ สลับกับคุณลาเหมียนเลยนะคะ 555555 มาค่ะ เกมปริศนาสอบมรณะ เล่ม 1 นี้ คิดว่าหลายคนน่าจะอ่านกันไปถึงเล่ม 3 ซึ่งเราคาดว่ากว่าจะย่องไปถึงคงใช้เวลาอีกสักพัก เลยขอแวะมาหวีดเล่มแรกนี้ก่อนสักหน่อยค่ะ แบบว่า ช่วงนี้ด้วยความอ่านงานคุณมู่ต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ดาราสิ้นสูญที่พึ่งอ่านจบไป ยังมีไปทดลองอ่าน ใครบางคน (แน่นอนว่าพรีแล้วค่ะ 55555) และคุณทนาย (เรื่องนี้อ่านละติด รอมากค่ะ) ช่วงนี้เลยเกิดอาการเทียบเคมีแต่ละคู่ของคุณนักเขียนค่ะ 5555555 เกมปริศนาสอบมรณะ คู่นี้เป็นสายต่างคนต่างกวนกันนิ่ง ๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ เอาคืนกันแบบแสบ ๆ คัน ๆ แต่ถามว่าพอลงเรือลำเดียวกันแล้วเข้าคู่กันดีไหม คำตอบคือดีมากกกค่ะ ยังไงก่อนจะไปไล่ Talk ถึงเหล่าคู่ เราขอแวะเล่า + หวีดสักหน่อยนะคะ


เรา…เคยเจอกันมาก่อนไหม

        เปิดตัวมา โหยวฮั่ว หลุดเข้ามาในสนามสอบพร้อมกับญาติทั้งสองคน ตอนอ่านใจคือไม่ได้กลัวโหยวฮั่วเป็นอะไรไปเลยค่ะ เราลุ้นญาติสองคนของเขามากกว่า คนลูกพี่ลูกน้องดูติดพี่เขามาก ถึงจะตามความคิดโหยวฮั่วไม่ทัน แต่เรื่องไหวพริบตามพี่ชายถือว่าไว และเชื่อใจโหยวฮั่วมาก ๆ ส่วนคุณลุงถึงจะมีเอ่ยถึงไม่มากเท่าลูกชายของเขา แต่เรารู้สึกว่า เขาห่วงหลานชายที่ ‘ความทรงจำหายไป’ คนนี้จริง ๆ แน่นอนว่าเกมข้อสอบในเรื่องนี้ย่อมเดิมพันด้วยชีวิต ตั้งชื่อสนามสอบสมเป็นสนามสอบเลยค่ะ ด่านแรกนี้คือ ฟิสิกส์ แต่นักเขียนสร้างสรรค์โจทย์ได้สมกับเป็นเกมเซอร์ไววัลมาก เราเดาไม่ค่อยถูกว่าควรจะตอบยังไงกับโจทย์แบบนี้ดี แต่โหยวฮั่วก็พาแก้โจทย์แบบนอกกรอบตลอด ด่านแรกคือลุ้นระทึกดีค่ะ ในส่วนที่รอคอยตอนอ่านมาก ๆ คือ คุณพระเอกอีกคนจะออกมายังไงนะ และเขาก็เปิดตัวมาได้มีเสน่ห์จริง ๆ ค่ะ แบบว่า แค่ก้าวเท้าเข้ามาในสนาม โหยวฮั่วคือ ยกมือจับต่างหูโดยไม่รู้ตัวกันเลยยยยย แถมทางคุณ ฉิวจิว ยังมีอาการ ‘ความทรงจำหายไป’ ด้วยเหมือนกันอีก เดาเลยว่า คู่นี้ต้องมีอะไรเชื่อมโยงต่อกันแน่ ๆ แต่ว่าดูคู่นี้ถูกชะตากันแบบแปลก ๆ ค่ะ ตั้งคำถามดูโรแมนติก ว่า “เราเคยเจอกันมาก่อนไหม” การกระทำคือ สวนทางมาก หาเรื่องกันไม่พัก กวนกันสุด ๆ…สนใจกันแหละค่ะดูออกกกกก


นัมเบอร์ 001

        การเป็นผู้คุมสอบได้ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้สอบมาก่อน เมื่อทำคะแนนได้สูงพวกเขาถึงสามารถเปลี่ยนตัวเองมาเป็นผู้คุมสอบ ตาม ‘กฎ’ ของที่นี่ แต่เมื่อไรที่พวกเขาแหกกฎ พวกเขาจะถูกลงโทษ ให้กลายเป็นผู้เข้าสอบใหม่อีกครั้ง ดูจากอาการของผู้คุมสอบหมายเลข 154 ก็รู้เลยว่าการผ่านสนามสอบแต่ละสนามสร้างปมในใจกับเขาไว้มาก และยังมีผู้คุมสอบคนอื่น ๆ อีก แม้แต่ 522 ที่น่าเอ็นดูเรื่องถูกโหยวฮั่วแย่อาหารบ่อย ๆ ก็พยายามไม่ทำผิดกฎ ทว่า ฉิวจิว กลับดูไม่ค่อยแคร์เลยค่ะ ยิ่งเจอโหย่วฮั่ว เขาแทบจะทำผิดกฎทีละนิดทีละหน่อยอย่างไม่ใส่ใจ เราชอบสนามสอบถัดมา ที่ฉิวจิวตามมาคุมสอบคนเดียวมากเลยค่ะ มีความหน่วงในสนามเมื่อเราค่อย ๆ คาดเดาตัวตน NPC ได้ มีความลุ้นเอาใจช่วยผู้เข้าสอบที่เราเริ่มคุ้นเคย และมีความยิ้มกริ่มมม เมื่อโหยวฮั่วและฉิวจิวได้มีสถานการณ์ให้อยู่ด้วยกันมากขึ้นค่ะ เราชอบการหยอดใบ้ตามรายทางของคุณนักเขียนด้วยค่ะ แบบบ ถึงจะแค่ชื่อเรียก หรือจะแค่เรื่องเขาเล่าว่า เชื่อว่าหลายคนน่าจะเดาสถานะในอดีตของทั้งคู่ได้ตั้งแต่ขึ้นสนามสอง ซึ่งเอาจริง ๆ เราชอบ และตื่นเต้นมากเลยนะคะ ถ้าเป็นอย่างที่คิดนี่มันดูแบบ…เป็นการ สลับบทบาท ที่ชวนติดตามมากค่ะ! ความทรงจำที่หายไป …เรื่องราวในอดีตเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ


“A”

        เหมือนเล่มแรกพึ่งจะได้เกริ่นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเลยค่ะ แบบมีทั้งในรูปแบบของคนเขาเล่าว่า ที่ทำให้เราชวนคิด ชวนสงสัย และคาดว่าน่าจะใช่พวกเขา รวมถึงการกระทำใกล้ชิด ความเคยชิน การเรียก หรือชื่อที่เขาไม่ควรจะรู้ แม้แต่ปฏิกิริยาร่างกาย ที่พอมาอยู่เข้าคู่กันจริง ๆ ก็เริ่มทำให้เราได้เห็นมากขึ้น ซึ่งงงงง เรารู้สึกเหมือนพึ่งได้เสพฟีลลิ่งแบบนั้นช่วงครึ่งหลังของเล่มค่ะ อยากขึ้นเล่มสองงงงงงง คู่นี้เราพูดไม่ถูกเลยค่ะ ว่าถือว่าเป็นคู่รักคู่กัดไหม พวกเขาดูปรองดองกันมากกว่าจะใช้คำนี้ยังไม่รู้ค่ะ อารมณ์ประมาณ ฉันสนใจคุณฉันกวนคุณ อีกคนก็เหมือนกวนมากวนกลับไม่โกง แต่นั่นคือความพิเศษที่ฉันมอบให้คุณเช่นกัน …อะไรแบบนี้อะค่ะ พูดง่าย ๆ คือ สองคนเขาก็ดูทำตัวกันเป็นธรรมชาติ เหตุไฉน เราอ่านถึงเขินไปได้ 555555


        เกมปริศนาสอบมรณะ ถ้าพูดถึงปม เราคงคาใจว่า สรุปแล้วมิตินี้คืออะไร ถ้าเราเดาสถานะโหยวฮั่วในอดีตไม่ผิด ก็อยากติดตามต่อว่า ตกลงเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เขากับฉิวจิวทำอะไรลงไป ระบบสนามสอบถึงได้ทำให้พวกเขาเป็นอย่างปัจจุบัน ยังมีคนที่ถูกดึงเข้ามาตายจริง ๆ ใช่ไหม ที่บอกว่ากลับออกไปโลกความจริงได้ สรุปแล้วได้กลับออกไปจริง ๆ เหรอ …สองมันสมองคิดนอกกฎทั้งสองมารวมกัน เชื่อว่าเล่มถัด ๆ ไปคงมีความแสบย้อนระบบสนามสอบให้ได้ติดตามได้คำตอบกันค่ะ


ชวน Talk สั้น ๆ กล่าวถึงคู่รักคู่กัด

        อืมมม นั่นสินะคะ ถ้าพูดถึงคู่รักคู่กัด ในบรรดาคู่ของคุณมู่ เราคงนึกถึงคู่หัวหน้าฉู่กับคุณหยางค่ะ ซึ่งเป็นเคมีแบบที่เราชอบมากกกกกก ส่วนในไทป์คู่ที่รู้สึกดีงามไม่ต่างกัน ก็คงเป็นคนนึงนิ่งคนนึงซน อย่างเหรียญทองแดงปราบพิภพค่ะ …จะว่าไปจริง ๆ คุณทนายก็ออกแนวมาทางนี้เหมือนกันค่ะ ตัวเอกมีความซน อีกคนคือขมวดคิ้วแล้ว ขมวดคิ้วอีก 555555 ส่วนที่คลายกันแต่สลับขั้ว น่าจะเป็นดาบบรรพกาล ที่ทางพระเอกมีความซน แต่ก็มีความฮัสกี้ในตัว สกินชิปเก่งงงงด้วยย ส่วนตัวเอกพาร์ตหลักจะมีความบ่นในใจ แต่ฉันขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วย อะไรแบบนั้น เคมีแบบนี้ก็น่ารักมากค่ะ (ถ้านับนิสัยร่างหลัก ตัวเอกก็ดูผู้ใหญ่กว่าระดับนึงเลยนะคะ) ทางใครบางคนนี่น่าเอ็นดู คนหนึ่งทำตัวเย็นชา…แต่ก็ดูแล คนหนึ่งทำตัว ‘ฉันไม่ใส่ใจนายหรอก’ …แต่ใส่ใจ …แหมะ… ดังนั้น…สำหรับเราคู่โหยวฮั่วกับคุณฉิว เลยเป็นเคมีบอกไม่ถูกค่ะ ดูมีความลึก คล้าย ๆ คู่คุณหยางกับหัวหน้าฉู่ แต่ก็คลุมเครือกว่า …ย๊ากกกก ถ้าอ่านต่อน่าจะได้ฟีลมากกว่านี้แน่ ๆ เลยค่ะ จะเคลียร์ลิสต์ไปให้ถึงงงง


ชาแดง



วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2566

รีวิว ยมทูตพาร์ตไทม์ผู้โด่งดัง เล่ม 1 (ยังไม่จบค่ะะ)

 




ยมทูตพาร์ตไทม์ผู้โด่งดัง เล่ม 1

ผู้เขียน ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ

ผู้แปล ศีตกาล

ผู้วาด Zoochan

สำนักพิมพ์ Bookish House

เรื่องย่อ

        เมื่อยมทูตงานล้นมือ ‘ยมทูตคนเป็น’ จึงถูกเรียกเพื่อรับหน้าที่ หลันเหอ อาชีพนักแสดงจำต้องรับอาชีพนี้เป็นจ๊อบเสริม เมื่อเขาถูกยมทูตตัวจริงเรียกหา โดยมีสัญญาต่อเจ้าพนักงานว่า จะทำพาร์ตไทม์นี้เป็นเวลาหนึ่งปีเท่านั้น ทว่างานเสริมที่ถูกเรียกเมื่อไรก็วิญญาณออกจากร่างนี้ กลับทำให้เขาโด่งดังในการรับบทเป็นผู้วายชนม์ จนสร้างเสียงเรื่องลือไปหลายกองถ่าย อาชีพนักแสดงที่ไม่จืดจาง แต่ก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างของเขากลับกำลังเฟื่องฟูด้วยพาร์ไทม์นี้เอง


ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลางถึงมาก)

        ยมทูตพาร์ตไทม์ผู้โด่งดัง เป็นอีกหนึ่งงานพาร์ตไทม์ที่คุณ ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ สร้างสรรค์ให้พวกเรานักอ่านได้ติดตามกันค่ะ ถ้าหากใครเคยอ่าน ครึ่งเซียนพาร์ตไทม์ ไม่รู้คิดแบบเราไหมว่าชื่อเรื่องนี้ กับช่วงเกริ่นงานยมทูตคนเป็น ทำให้นึกถึงตัวละครหนึ่งในครึ่งเซียนฯ ที่ถูกเรียกให้ไปรับจ๊อบนี้แบบจำยอม เราแอบคิดขำ ๆ ระหว่างอ่านด้วยค่ะว่า เอะ จะมีเชื่อมกันไหมนะ (ไม่น่ามี คนละปมเลยค่ะ 55555) สำหรับ ยมทูตพาร์ตไทม์ สนุกน่าติดตามมากค่ะ แถมทุกครั้งที่ หลันเหอ ทำงานจนบังเอิญเจอกับ ซ่งฝูถาน เคมีจะฟุ้งงง หวาน ๆ น่ารักทุกครั้งเลยยยย พระเอกซ่งคนนี้ก็เรียบร้อยน่ารักเหลือเกินน มาคนละสายกับอีกาสามขา แมว และนักร้องบางคนจริง ๆ ค่ะ 5555555


…ไหน ๆ ก็มาแล้ว

        หลันเหอ อาชีพนักแสดง แต่ดูเหมือนว่าบ้านเกิดในวัยเด็กที่เขาเติบโตจะทำให้คุ้นเคยกับการทำพิธีต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย การเป็นยมทูตคนเป็นของเขาพอจึงมีวิธีรับมือ โดยเฉพาะตอนที่โดนเรียกให้รับงานในครั้งแรก เจ้าพนักงานยมทูตอยากให้เขาทำหน้าที่จนกว่าพนักงานยมทูตจะมีเพียงพอ แต่ด้วยฝีมือการพับกระดาษเงินทองของเขาจึงติดสินบน (?) ได้เหลือทำงานเพียงหนึ่งปี เมื่อจ๊อบยมทูตคนเป็นเริ่มต้นขึ้น หลันเหอจำต้องมีข้อแก้ตัวเมื่อเข้ากองถ่าย เพราะเจ้าพนักงานที่ชักชวน (?) เขาเข้าทำงาน มักเรียกหาโดยไม่บอกก่อน ขนาดตอนมาเทสต์หน้ากล้องก็ยังเรียก! โชคดีที่ฉากเข้าทดสอบคือบทที่ตัวละครไม่หายใจ เขาถึงได้แสดงสมจริงเสียจนได้รับเลือก (5555555) ขณะเดียวกันหลันเหอก็ยื่นเงื่อนไขให้เจ้าพนักงานบอกเขาล่วงหน้าก่อนเรียก ไม่อย่างนั้นเกิดเหตุแบบนี้บ่อย ๆ คนรอบตัวคงพาเขาเข้าห้องฉุกเฉินวันละหลายรอบแน่ ๆ เรียกว่า เปิดตัวพาร์ตไทม์นี้มา ก็ป่วนมากค่ะ


ระฆังเรียกวิญญาณ

        ทำหน้าที่ไปหลายเคส ในที่สุดหลันเหอก็พบความผิดปกติของเมืองนี้ ดูเหมือนว่า วิญญาณคนตายจะเพิ่มมากขึ้น และพัฒนาสู่วิญญาณแค้นที่แข็งแกร่งจนเจ้าพนักงานยมทูตมีไม่เพียงพอ แม้แต่เซียนเองก็ดูเหมือนจะรับมือความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ยาก นอกจากนี้การที่หลันเหอพบกับ ซ่งฝูถาน คนเป็นที่วิญญาณหลุดออกจากร่างบ่อยจนน่าตกใจ ยิ่งทำให้เขาพบว่า เคสของอีกฝ่ายแปลกและอันตรายมากจริง ๆ พบครั้งแรกซ่งฝูถานรอถูกเรียกเข้าร่างที่สี่แยกเงียบ ครั้งถัดมาดันถูกชักชวนจนเข้ามาดูงิ้วในป่า พอกันอีกทีถึงขนาดโดนลากเข้าบ่วงยมทูต ถ้าหากหลันเหอพบอีกฝ่ายไม่ทัน ไม่ต้องทัวร์ปรโลกไปจริง ๆ แล้วหรือ ! ทว่า…การเดินทางกับซ่งฝูถาน ทำให้เขาเห็นอิทธิฤทธิ์ของหนึ่งในของวิเศษประจำเมือง (เรียกแบบนี้ไหมนะ) นั่นคือระฆังของวัดหลักประจำเมืองนี้ ซึ่งดูเหมือนเหล่าของวิเศษประจำเมืองจะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุพลิกผันของวิญญาณ และ…ซ่งฝูถาน…เขาจะเป็นเพียงคนที่วิญญาณหลุดบ่อยเท่านั้นจริง ๆ หรือ?


นักอ่านขอครวญ …พี่ซ่งเปิดเน็ตหน่อยเถอะ

        คู่นี้ เล่มแรกนี้ มีหนึ่งคนตกหลุมรัก หนึ่งคนรอคอยและดีใจมาก ๆ ที่จะได้เจอกันค่า ส่วนตัวรู้สึกว่าคู่นี้น่ารักมาก ๆ และเหตุการณ์พบกันโดยบังเอิญแบบนี้เราค่อนข้างชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ 5555555 เราชอบการที่บังเอิญพบกัน แบบ คนหนึ่งเดินผ่านแล้วสะดุดใจ พอเดินกลับมายังเห็นอีกฝ่ายอยู่ก็เข้าไปทัก พอคิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว กลับยังมาพบกันในสถานการณ์แปลก ๆ แต่รูปแบบเดิมอีก น่ารักดีค่ะ น่าติดตามมม และด้วยนิสัยคุณซ่งเขานิ่ง ๆ เรียบร้อย ๆ กับหลันเหอที่สุภาพอ่อนโยน แต่เว้นระยะห่างกับคนนิด ๆ พอทั้งคู่มาพบกันในรูปแบบของวิญญาณ ได้เป็นตัวของตัวเองและเป็นเพื่อนกัน เลยลงตัวมาก ๆ ค่ะ เอาจริง ๆ เรารอการพบกันของพวกเขาทุกครั้งเลยค่ะ แถมเห็นอาการหวั่นไหวของทั้งคู่ยิ่งน่าเอ็นดู ><


        ยมทูตพาร์ตไทม์ผู้โด่งดัง ไม่ดังไม่รู้จะว่ายังไงแล้วค่ะ หลันเหอขยันทำงานขนาดนี้ 555555 เราชอบไอเดียร์การลดน้ำหนักของดารามาก ๆ เลยค่ะ หลันเหอแบบ โอเคกายเนื้อต้องเข้าคอร์สลดหุ่น งั้นใช้วิญญาณตอนเป็นยมทูตออกไปกินละกัน 555555 ประเด็นคือ ยิ่งพอมีคุณซ่งช่วงหลัง หลันเหอยิ่งเป็นยมทูตคนเป็นที่อุดมสมบูรณ์ พี่เขาเตรียมของเซ่นไว้ให้เยอะมากกกกกกก เอาอกเอาใจสุด ๆ บอกเลยว่ายังคงตามสเต็ปคุณลาเหมียนที่คุณพระเอกตกหลุมรักก่อน แต่เรื่องนี้ไม่ปล่อยให้ลุ้นนาน เพราะคนอ่านเห็นแววน้องหลันหวั่นไหวแล้ววว อะไรคือการรอมาเจอคุณซ่งคะ! ตอนนี้คือ เราเห็นทดลองอ่านเล่ม 2 เริ่มลงแล้ว …ได้เวลา …


ชวน Talk พระเอกในสายเรื่อง ‘พาร์ตไทม์’

        แวะชวน Talk สั้น ๆ ค่ะ ตอนนี้ นอกจากมังกรฯ ที่เรายังดองอยู่ นิยายส่วนใหญ่ของคุณลาเหมียนเราเลยได้แตะมาแล้ว ในส่วนของขุนนางพาร์ตไทม์ ถึงจะอ่านไปแค่เล่มแรก (ที่เหลืออีก 2-3 บทจะจบ) เราก็พอมองออกว่าพระเอกของเรื่องนี้ คือ หมาน้อย แค่ก ศิษย์น้องผู้มีฐานะคนนั้น ซึ่งเป็นสไตล์ขี้อ้อน ติดคนนน ส่วนยมทูตพาร์ตไทม์อย่างที่เล่าค่ะ เงียบ ๆ สันโดษ ดูน่ารัก และ ครึ่งเซียนพาร์ตไทม์! นี่ก็พูดน้อย ช่วยเหลือคนอื่นเก่ง ดูแลคนที่ชอบเก่ง น่ารักกกกกกก ฟีลพระเอกสายพาร์ตไทม์ มาทรงนี้หมดเลยไหมคะเนี่ยยย (เราพลาดพาร์ตไทม์คุณลาเหมียนเรื่องไหนไหมคะเนี่ย) ขณะที่สายสวนสัตว์ ปลูกพริก เสริมสร้างวัฒนธรรมดนตรี มาสายซึนกันเป็นแถววว น่าเอ็นดู 55555555 มาค่ะ เห็นมีเรื่องคุณหมอนักพรตกำลังจะเปิดพรี มารอกันดีกว่าว่าคนนั้นจะมาสายไหนนน


ชาแดง



วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2566

รีวิว ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 2 (ยังไม่จบค่าา)

 



ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 2

ผู้เขียน มู่ซูหลี่

ผู้แปล Luna

ผู้วาด Kanapy

เรื่องย่อ

---ขอยกไปในความเดิมค่ะ---


ใครสนใจไม่อยากโดนสปอยล์มาก >> ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 1​​​​​​​


ความเดิมในยามดาราสิ้นสูญเล่ม 1

      




ความรู้สึกหลังอ่าน (หวีด แค่ก สปอยล์มากอย่างยิ่ง)

        ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 2 มาส่งแล้วววว >< ลัดคิวก่อนใคร เพราะอ่านค้างไว้ในเว็บค่ะ เล่มนี้เป็นเล่มที่พีคมากกกกก ทั้งปมของเรื่อง และความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่ะ ช่วยไม่ได้จริง ๆ ไม่พีคเล่มนี้จะพีคเล่มไหนนะคะ ในเมื่อเล่มหน้าก็จบแล้ว ฮืออออออ เราชอบเคมีคู่นี้มากเลยล่ะค่ะ ยิ่งเจอเล่ม 2 ไป ความคู่หูคู่กัด ความเคยหวั่นไหวต่อกันในวัยเยาว์ มันเป็นอะไรที่ชวนกรี๊ดและชวนยิ้มมมมม จริง ๆ ค่ะ แถมมีฉากชวนประทับใจมาก ๆ อยู่ในเล่มด้วย หนึ่งในนั้นนนน…ใครเล่นทวิตเตอร์แล้วเห็นภาพลายเส้นคุณ Kanapy ในฉาก “นอนเป็นเพื่อนฉันอีกเดี๋ยว” แล้วบ้างคะ ฉากนี้คือหนึ่งในฉากประทับใจต่อเนื่องของเราเลยค่ะ >< มาค่ะ ขอมาหวีดเล่ม สองงง


ดูเหมือนว่าคุณกับผมจะไม่ต่างกันเลยนะครับ

        หลังเข้าไปช่วยผู้ที่ตื่นจากแคปซูน หัวหน้าฉู่และคุณหยาง ก็ตัดสินใจเข้าไปในอาคารที่ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก ฉู่ซือ เคยอาศัยอยู่กับ เจียงชี พ่อบุญธรรมของเขา ก่อนที่อีกฝ่ายจะเสียชีวิต เรื่องน่าตกใจก็คือ บ้านหลังนั้น เจียงชีกลับยังมีชีวิตอยู่ ! ความสับสน ความดีใจ และความกังวลต่อช่วงเวลาในอนาคตของอีกฝ่ายเข้าจู่โจมความรู้สึกที่เฉื่อยชามานานของฉู่ซือ การเล่าเรื่องที่ทำให้เราว้าวก็คือ ในวันนี้ ช่วงเวลานี้ ครั้งหนึ่งหัวหน้าฉู่วัยเด็กเคยจำได้จริง ๆ ว่ามีคนแปลกหน้าสองคนแวะเข้ามาในบ้าน ซึ่งฉู่ซือกับ ซ่าเอ้อ หยาง พบกับฉู่ซือในวัยเด็กนอนขดตัวอยู่บนโซฟาจริง ๆ …นี่เป็นการเล่นกับเวลาที่เราตื่นเต้นมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าการผูกโยงมาแบบนี้ ยังไงการเสียชีวิตของเจียงชี ต้องเป็นกุญแจสำคัญแน่ ๆ ในฉากนี้นอกจากมีปม และคลายปมเพิ่ม การพบเจียงชี
ทำให้เรารู้สึกว่า นัยคำพูดของคุณพ่อ เหมือนจะเดาได้ว่า คนที่อยู่ตรงหน้า คือ ลูกชายของเขา!?? ยังมีการแซวว่าซ่าเอ้อ หยางดูเป็นคนรักของลูกชายที่เหมือนตัวเองมาก อีกทั้ง ทั้งคู่ดูเป็นคนรักที่เข้ากันได้ดี 55555 หัวหน้าฉู่แทบจะกระอักเลือด เจียงชีสายตามีปัญหารึเปล่า ถึงมองว่าพวกเขาเป็นคนรักกันจริง ๆ แถมเข้ากันได้ดี!!!


ที่รัก นายทำให้ฉันถูกเวลานับถอยหลังคุกคามมาทั้งวันแล้ว

        เล่ม 2 … คำว่า ที่รัก ของคุณหยาง ไม่ได้แค่พูดไปเล่น ๆ จริง ๆ ค่ะ เอาเป็นว่าในส่วนนี้ เราจะยกกันไป Talk เนอะคะ ทว่าส่วนของเรื่องราว เรียกได้ว่าลุ้นมากจริง ๆ ค่ะ ที่ยกประโยคนี้มา ไม่ใช่แค่เป็นฉากที่ประทับใจมาก แต่เป็นความรู้สึกตอนอ่านเช่นกัน ว่านักอ่านเองก็แทบจะถูกเวลาไล่กวดตามคุณหยางแล้ว…

        หลังจากออกจากอาคารหลังที่เคยอาศัยกับเจียงชี แก๊งเด็ก ๆ ของหัวหน้าฉู่ ก็พบสัญญาณของยานรัฐบาล และบนยานลำนั้น มีเหล่าลูกน้องจากฝ่ายความมั่นคงของฉู่ซืออยู่ทั้งลำ ตอนนี้ ฝ่ายอำนาจรัฐทั้งสามของดวงดาวได้แบ่งหน้าที่ช่วยเหลือผู้อยู่ในแคปซูนตามเศษซากดวงดาวที่แตกออก และฝ่ายความมั่นคงคือผู้ออกช่วยเหลือ และรวบการเชื่อมเศษซากดวงดาวด้วยซากมังกร ขณะรวมพลปฏิบัติหน้าที่ ทั้งหัวหน้าฉู่และคุณหยาง กลับเริ่มได้เบาะแสของเรื่องราวที่เกิดขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ …ฉู่ซือ การทดลองลับ เจียงชี เวลา และคนในสามขั้วอำนาจ …เรื่องราวที่เกี่ยวพันมาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน เวลาที่ผันแปรจนฉู่ซือที่เกิดในร้อยถัดมาถูกดึงเข้ามาเอี่ยวในฐานะผู้ขัดขวาง กำลังจะถูกเฉลยในครึ่งหลังของเรื่องนี้แล้วค่ะ!


หัวหน้า เรื่องที่ถูกขัดจังหวะเมื่อหลายปีก่อน ฉันขอสานต่อได้ไหม

    จิตใจของคุณหยางยากแท้หยั่งถึงงงงงงงงง

        มีเรื่องชวนกรี๊ดตั้งแต่ช่วงแรกของการเริ่มเล่มสองเลยล่ะค่ะ ใครไม่เขิน เราเขินค่ะ ! อ่านแล้วก็รู้ว่าหัวหน้าฉู่เคยหวั่นไหวกับคุณหยางตั้งแต่ครั้งยังอยู่ด้วยกันในค่ายฝึกจริง ๆ แต่เพราะรู้นิสัยคุณหยางดีเกินไป เลยรู้ว่าตัวเองจะเป็นเพียงระเบิดที่เข้าถึงได้ยากลูกหนึ่งสำหรับคุณหยางที่ชอบความท้าทาย เมื่อไรที่อีกฝ่ายได้ไป สุดท้ายคงหมดความสนใจและทิ้งขว้างตัวเขาอย่างไม่ไยดี (โธ่! หัวหน้าคะ ;---;) ซึ่งคุณหยางในเล่มนี้ไม่ปล่อยให้คำตอบคลุมเครือนาน ขอแย้งหัวหน้าด้วยคำว่า น่าแปลก ปกติก็ต้องเป็นแบบที่หัวหน้าบอก แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ผ่านไปหลายปีก็ยังไม่ใช่ …ย๊ากกกกกก << นักอ่านระเบิดตัวเอง >> เพื่อเป็นการพิสูจน์คำพูดนี้ ไม่ได้มีเพียงอดีตให้นักอ่านตามย้อนเก็บ ปมเวลาบนตัวฉู่ซือได้ทำการ แสดง ความจริงจังของคำว่า ‘ที่รัก’ สำหรับคุณหยางออกมาหมดเปลือกเลยล่ะค่ะ!!!


        ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 2 นอกจากกรี๊ดกับความสัมพันธ์ที่ไต่ระดับแบบพุ่งปรี๊ด ยังมีการเก็บปมช่วงท้ายเล่มที่เราขอยอมแพ้ และถอดสมองไปก่อนเลยค่ะ เราจำเงื่อนไขเล็กน้อยรายทางไม่หมด ตอนนี้คือ มึนมาก ๆ ใครเริ่มเดาทางได้แล้วแวะเวียนมาตั้งข้อสันนิษฐานไว้ได้นะคะ ตอนนี้เราตันมากเลยค่ะ ;;---;; ส่วนตัวประกอบ รู้สึกเรื่องนี้มีแก๊งเยอะมากกกก ทำให้เราไม่ได้มีแฟมิลี่ของหัวหน้าฉู่ที่ชัดเจน สำหรับเล่มสองมีแก๊งใหม่ให้ชวนติดตาม หลัก ๆ เลยทำให้เราผูกพันกับสองตัวละครเอกมากเลยค่ะ ส่วนตัวประกอบที่คาดว่าจะเด่น เล่มนี้บทหายจนจางไปแล้ว ;---; ใด ๆ ตัวละครใหม่ช่างน่าเอ็นดู และแอบระแวงในเวลาเดียวกัน อยากอ่านเล่มสามแล้วล่ะค่ะ!




            ชวน Talk …ดูสิ มีคนกอดเขาโดยไม่รังเกียจแล้ว … (ฮือออออ สปอยล์มากค่ะ)

        ใครอ่านแล้วแวะมาหวีดตรงนี้ได้นะคะ

        สำหรับยามดาราสิ้นสูญในเล่มสอง ไม่พูดไม่ได้คือ ฉากที่เขาไปพบเจียงชี ค่ะ เรื่องนี้ มีความโดดเด่นสำหรับเราตรงที่ เล่าสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ในจังหวะที่เรื่องราวในปัจจุบันกำลังเดินไปถึงจุดสำคัญ ในอดีตที่เคยมีเรื่องราวจุดชนวนไว้ก็จะถูกเล่าขึ้นมาให้เราได้ทำการเก็บข้อมูลก่อนค่ะ อยากในเล่มแรก จะมีการเล่าสถานการณ์ เวลา  ฉู่ซืออยู่กับซ่าเอ้อ หยาง ซ้ำ ๆ แต่ในการซ้ำ จะมีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นฉากหนึ่งที่เราชอบมาก คือ เรื่องที่ฉู่ซือ เล่าเกี่ยวกับการทำภารกิจที่พวกเขาออกไปทำด้วยกันเป็นครั้งแรก เล่าแรก ๆ คือ เป็นอะไรที่เข้ากันไม่ได้ เล่าต่อมา พวกเขากลับรวมทีมกันได้ดี จากนั้นเล่าอีกที เหมือนจะโดนทิ้งแต่อีกฝ่ายกลับมา…ฉากต่อมาเล่าในภารกิจหลังจากนั้นพวกเขาเลยเข้าคู่กันต่อ เล่าแรก ๆ เหมือนเป็นคู่หูที่ดี เล่าไปเล่ามาในตอนสุดท้าย ดันลงเอยที่ว่าพวกเขาหวั่นไหวต่อกันในคืนหนึ่ง…

     แบบบบบบบ เป็นการไล่เรียงเรื่องราวของตัวละครนำที่เราชอบมากเลยค่ะ มันทำให้เหตุการณ์ในปัจจุบันสมเหตุสมผล เหมือนอย่างการพาซ่าเอ้อ หยางเข้ามาพบเจียงชีในฉากเริ่มต้น หัวหน้าฉู่ เคยเล่าตั้งแต่เล่มแรกว่าซ่าเอ้อ หยาง ทำลายหลักฐานชิ้นสุดท้าย ที่สามารถยืนยันการมีอยู่ของเจียงชี นั่นทำให้เขาโกรธอีกฝ่าย พอมาเล่มนี้ก็เล่าต่อ ว่าตอนสมัยที่ยังอยู่ด้วยกันซ่าเอ้อ หยางเป็นคนประมาณนี้ ทำให้เขาพอเดาได้ว่า ที่อีกฝ่ายทำลงไปมีเบื้องหลังมากกว่ากว่า และผูกโยงไปยังเฉลย…

        การเข้าไปพบเจียงชี เลยกลายเป็นจุดเคลียร์ปม และเปิดปมหลายอย่างเลยล่ะค่ะ เกริ่นเล่าแต่ซ่าเอ้อ หยางมานาน แต่จุดเจียงชี มีการเล่าสลับอดีตเช่นกันค่ะ คือ ในครั้งหนึ่งวัยเด็ก ฉู่ซือจำได้ว่ามีเหตุการณ์ที่คนแปลกหน้าเข้ามาขออาศัยนั่นตอนไฟดับ สิ่งที่ทำเราตื่นเต้นคือ คนแปลกหน้าสองคนนั้นคือ ตัวพวกเขาเอง ฉากนี้เราลุ้นมากว่า เจียงชี จะรู้ไหมว่าคนตรงหน้าเขาคือลูกชายตอนโต และการปล่อยเรื่องเล่าในอดีต รวมถึงบทสนทนาที่หยอดในปัจจุบันทำให้เรารู้สึกว่า เขารู้ค่ะ ! เราประทับใจตอนเจียงชีลูบหัวฉู่ซือตอนเด็ก แล้วบอกว่า ลูกชาย พ่อไปก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา” แล้วมองที่หัวหน้าฉู่ด้วยอ่ะค่ะ จะร้องไห้มาก ๆ เราว่าเขารู้ ลูกคุณพ่อมาแบบหนึ่งแถมหนึ่ง โตแล้ว และมีแฟนแล้ว สวัสดีครับผม ฮืออออ

        นอกจากฉากเจียงชีที่ชอบมาก อีกหนึ่งฉากที่แทบจะอ่านซ้ำ ๆ คือ ฉาก ที่รัก นายทำให้ฉันถูกเวลานับถอยหลังคุกคามมาทั้งวันแล้ว ค่ะ ฉากนี้มันบีบบบบบ และเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนมุมมองมาทางคุณหยางค่ะ การได้ตามคุณหยาง ทำให้เรารู้เลยว่า ร่างกายเขาไม่เหมือนคนปกติ เขาสามารถทนต่อการว๊าบได้ต่อเนื่องเกินสอบครั้ง แผลรักษาตัวเองได้ อดหลับอดนอนได้ เรียกว่า เวลา ไม่มีผลต่อเขาเลยค่ะ ทว่า คนที่ เวลา ไม่เคยส่งผล กลับ โดน เวลา คุกคาม เพราะใครอีกคนที่ตัวเองรักมาก กำลังถูกเวลา พรากจากไป เราแบบบบบบบบบ ทุกคนต้องอ่านถึงฉากนี้ !!! “ถึงไม่ดูเขาก็รู้ว่ายังเหลือเวลาอีกเท่าไร เพราะเขานับเวลาอยู่ทุกนาที” แงงงงงงงง จากตรงนี้ละไปต่อที่ฉาก “นอนเป็นเพื่อนกันอีกสักเดี๋ยว” น่ะค่ะ สุดมากกกก เขาแทบจะใช้พลังชีวิตทั้งหมดเพื่อกู้เวลาของอีกคนหนึ่งให้เดินต่อ เราประทับใจมากค่ะ

        แน่นอนว่า ทางฉู่ซือ ก็ทำเราซึ้งมากค่ะ หัวหน้าฉู่ที่เฉื่อยชา เริ่มรู้สึกว่าการรอคอยมีค่าขึ้นมา เมื่อเห็นผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือ เห็นดวงดาวเริ่มเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เขาเริ่มรู้สึกว่า การมีซ่าเอ้อ หยางคอยอยู่เคียงข้างกันและฝากชีวิตไว้ได้เพียงแค่เพราะอีกฝ่ายพูดว่า กลับไปทันแน่นอน รอก่อนนะ เราอ่านแล้วคืออออ และในตอนที่เวลานับถอยหลัง ฉู่ซือรีบเดินกลับห้องเตรียมการทุกอย่างให้ซ่าเอ้อ หยางสามารถดำเนินการทุกอย่างได้อย่างราบรื้น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งลูกน้อง หรือมอบสิทธิ์ต่าง ๆ ให้ เขาคิดล่วงหน้าและวางทุกอย่างไว้ให้หมดเลยค่ะ ฉากที่เขาปลดกุญแจนักโทษ และส่งมอบมรดกให้ซ่าเอ้อ หยางทั้งหมด เราแทบจะยกฉู่ซือไว้บนหิ้งค่ะ แล้วคุณหยางที่เขาโดนปลดล็อกกุญแจนักโทษ รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องแล้วรีบติดต่อกลับมา ยิ้มแล้วบอกว่า ฉันจะกลับไปปลุกหัวหน้าเอง เราแบบบบบบ แงงงงงงงงง ประทับใจคู่นี้มากจริง ๆ ค่ะ

        และใช่ค่ะ มีแต่หวีดฉากและตัวละคร 5555555 ปมใด ๆ ทุกคนไปเก็บและติดตามในเล่มได้ค่ะ บอกเลยว่า ตื่นเต้น และลุ้นมากค่ะ แม้แต่ฉากประทับใจที่เล่าไป ในเนื้อเรื่องบรรยายกาศมันออกมาได้ภาพยนตร์มากเลยล่ะค่ะ! ใครมีฉากประทับใจอื่น ๆ แวะมาเม้าท์กันได้นะคะ รอเล่ม 3 กันค่ะ!!!


ชาแดง





วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566

รีวิว Fanservice Paradox เล่ม 2 (ยังไม่จบค่ะะ)

 




 Fanservice Paradox เล่ม 2

ผู้เขียน จื้อฉู่

ผู้แปล อัศวินดอกไม้

ผู้วาด Coffeefox33

สำนักพิมพ์ IRIS BOOK

เรื่องย่อ

--- ขอยกไปความเดิม เล่ม 1 ค่ะ ---


แบบไม่สปอยล์มากก >> Fanservice Paradox เล่ม 1


ความเดิมใน Fanservice Paradox เล่ม 1

    วง Kaleido ถูกกระแสลบทำให้ไม่เป็นที่นิยมมาตลอด หลัก ๆ แล้วเป็นเพราะข่าวของ ฟางเจวี๋ยเซี่ย เซนเตอร์ของวงที่ถูกกล่าวว่าเป็นเด็กเลี้ยงตอนเดบิตวงจากอีกบริษัทจนตัวเองถูกไล่ออกมา ทว่ากระแสทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป เมื่อภาพที่สนามบินระหว่างเขากับเผยทิงซ่ง น้องเล็กของวงออกมาเป็นกระแสคู่จิ้น ทำให้บริษัทจับทิศทางนี้เป็นลานบินให้วงกลับมามีพื้นที่แสดงความสามารถอีกครั้ง ทางส่วนน้องเล็กผู้มีอคติกับฟางเจวี๋ยเซี่ยเองก็เริ่มได้ทำความเข้าใจตัวตนจริง ๆ ของพี่สามของวง ว่าแท้จริงแล้วไม่เป็นอย่างข่าวลือสักนิด และเป็นตัวเขาต่างหากที่ถูกคุกคาม เมื่อเป็นแบบนี้คนไม่ยอมใครอย่างเผยทิงซ่งไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายโดนรังแก ขณะเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มทำความเข้าใจกันและกันใหม่เรื่อย ๆ ทั้งความสามารถ แนวคิด ความฝัน และปมในใจ สงครามสองปีที่ยาวนาน กำลังกลับกลายเป็นคนรู้ใจกันอย่างที่สุด ในตอนนี้เองงง


ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลางถึงมาก)

       สำหรับ Fanservice Paradox เล่ม 2 สนุกมากกกกกกกกกกกก ค่ะ ไม่แผ่ว ไม่พัก ไปต่อตัวอย่างเล่ม 3 แล้วด้วยค่ะ! ทุกคนน่าจะได้เกริ่นกันแล้วในเล่มแรกว่า สองหน่อ พี่สามและน้องเล็กได้รับเชิญไปในรายการวาไรตี้ แนวสืบคดี รายการหนึ่ง ซึ่งในช่วงที่ไปถ่ายรายการนั้น สนุกมากกกก เราว้าว เราลุ้น เรากรี๊ดในตอนสุดท้าย ย๊ากกกกกก มาค่ะ นี่คือการหวีด 5555555


คำเชิญให้แหกกฎ

    ค้างคาใจมาก กับการตัดฉากในเล่มแรก และในเล่มสองก็ต่อเนื่องกันที่สถานการณ์ในห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าเผยทิงซ่งไม่มีทางปล่อยคนพี่ของเขาอยู่เผชิญปัญหาเพียงลำพัง ยิ่งในสถานที่มืดสลัว การปล่อยอีกฟางเจวี๋ยเซี่ย ไปไหนคนเดียวนาน ๆ …ยากกกก 555555 ใด ๆ จุดนี้คนน้องโดนทักแล้วว่าทำตัวติดหนึบพี่สามมากไปรึเปล่า หุหุ เจ้าเด็กยังไม่รู้ตัวเองก็ทำเป็นตอบ เหรอ นิ่ง ๆ ค่า อย่างไรก็ตาม การดูแลกันของเผยทิงซ่งยังคงอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนกระทั่งพวกเขาไปออกรายการสืบสวนที่ทั้งสองคนชอบดูรายการนั้น (เราจำชื่อไม่ด้ายย) การตัวด่านใหม่ และกติกาใหม่ เป็นอะไรที่ลุ้นมากค่ะว่าจะไขปริศนาได้อย่างไร ใครเป็นคนร้าย แต่ที่ลุ้นยิ่งกว่า คือการที่คนอ่านอย่างเราตามอยู่มุมมองฟางเจวี๋ยเซี่ย ซึ่งเราต้องลุ้นอีกชั้นว่าเขาจะเลือกเส้นทางไหน และ…เผยทิงซ่งล่ะ เขาจะเป็นพวกเรา หรือไม่ใช่ สนุกน่าติดตามสุด ๆ ค่ะ รายการนี้!


พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส

    เพื่อทำให้วงกลับมาอย่างเป็นทางการ บริษัทจึงทำการวางแผน แพลนเพลงคัมแบล็กของวงอย่างจริงจัง ฟางเจวี๋ยเซี่ยได้เผยความสามารถด้านการแต่งเพลง และทางเผยทิงซ่งเองก็คอยสนับสนุนเขาอยู่ข้าง ๆ ทั้งวงต่างเริ่มแสดงความสามารถของแต่ละคน สร้างสรรค์อัลบั้มที่เป็นเอกลักษณ์ออกมา ระหว่างนี้เองพวกเขากลับพบอุปสรรคอีกครั้ง เมื่อเดโมเพลงที่ควรเป็นความลับถูกเผยแพร่ แผนการเปิดตัวที่ควรมีระยะเวลาเดือนกว่า ๆ ถูกทำให้เหลือเพียงแค่อาทิตย์เดียว ความกระชั้นชิดนี้ทำให้คนทั้งวงทำงานหนักขึ้น ขณะเดียวกัน ฟางเจวี๋ยเซี่ยเหมือนจะคาดเดาได้ว่าต้นเหตุมาจากใคร เขาจึงตัดสินใจ ออกไปหาคนคนนั้น โดยไม่ได้บอกใครตามที่ฝ่ายตรงข้ามบอก…


ตรรกะและปรัชญาด้านความรัก

    ความสัมพันธ์ของสองคนนี้พัฒนาไปในทิศทางที่เราโอเคมากเลยค่ะ โดยเฉพาะเผยทิงซ่งที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ๆ เทียบกับช่วงแรกในเล่มหนึ่งที่เราแทบจะก่ายหน้าผาก เล่มนี้เขามีความขี้อ้อน ช่างดูแล ทุกแผนที่เขาวาง มีฟางเจวี๋ยเซี่ยอยู่ในนั้นเสมอ ที่เราชอบที่สุด คือ เมื่อเขารู้ตัวว่าชอบคนพี่แล้วจริง ๆ เขากลับตรงไปตรงมากับความรู้สึก และเลือกจะดูแลแบบมีพื้นที่ให้ฟางเจวี๋ยเซี่ยได้ให้ความยินยอมก่อน แบบบ อ่อนโยน อบอุ่นมาก ขณะเดียวกัน เจ้าเด็กคนนี้ก็ลูกตรงมาก นอกจากนี้เราชอบการนำเสนอปมครอบครัวทั้งสองคนที่ทำให้มีแนวความคิดด้านความรักเชิงลบทั้งคู่ แต่ในความรักของพวกเขานี้เอง ที่เผยทิงซ่งมีแนวคิดบางอย่างในการทลายกำแพง ปม นั้น และเดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่า เสี่ยวเผยเลือกที่จะรอฟางเจวี๋ยเซี่ยด้วย เพราะเขารู้ดี คนที่มีสติและตรรกะเป็นสิ่งยึดอย่างฟางเจวี๋ยเซี่ย มีกำแพงหนากว่าเขาที่จะทลายและเปิดใจ เราแบบบบบบ ทุกคนไปลุ้นในเล่มสามค่ะ เราอ่านแล้ว ขอนำส่งคำว่า “กรี๊ด” 55555555


    Fanservice Paradox เล่ม 2 เป็นเล่มที่พัฒนาตัวละครเอกทั้งสองสานสัมพันธ์ไปได้ไกลมากค่ะ เราชอบการถกกันของทั้งสองคนที่มีแนวคิดแตกต่าง ชอบการที่พบเจอปัญหาแล้วกลับมาลองนั่งคุยกันว่าอีกฝ่ายคิดยังไง และชอบการมีจุดเปลี่ยนของความรู้สึกมาก ๆ เลยค่ะ ส่วนตัวคือเขินมากกกกก แล้วก็ทนไม่ไหวด้วยแวะไปอ่านตัวอย่างเล่ม 3 ในทดลองอ่านจนตอนสุดท้ายที่สำนักพิมพ์ลงได้จบเลยค่ะ รอ เล่ม อย่าง ยิ่งงงง

    ใด ๆ ในส่วนของวงก็มีบทบาทของแต่ละคนมากขึ้นไม่ถูกทิ้งขว้าง เราค่อนข้างคาดหวังว่าเล่มถัด ๆ ไปจะได้เห็นเรื่องราวของสมาชิกแต่ละคนค่ะ เหล่าผู้ที่ถูกทิ้งจากวงการที่ตัวเองจำต้องจากมา และรวมตัวกันกลายเป็น ‘ไอดอล’ เอาใจช่วยให้ทุกคนแก้ปมในใจค่ะ


ชาแดง


วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2566

รีวิว บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ เล่ม 1 (ยังไม่จบค่าา)

 




บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ เล่ม 1

ผู้เขียน อวี่เซี่ยวหลานซาน

ผู้แปล ธมน

ผู้วาด get-sem

สำนักพิมพ์ Rose Publishing

เรื่องย่อ

ฟ่างเล่อจิ่ง รับงานพาร์ตไทม์หลายที่ หนึ่งในนั้นทำให้เขาพบกับ เหยียนข่าย ประธานบริษัทตงหวนเอนเตอร์เทนเมนต์ ทว่าภาพลักษณ์ของเขาในใจท่านประธานกลับซื่อเกินกว่าอีกฝ่ายจะรับเขาเข้าทำงาน ในวงการบันเทิง แต่เมื่อความจริงเปิดเผย…เหยียนข่าย กลับรู้สึกเสียดายที่ฟ่างเล่อจิ่งไม่ได้คิดจะเข้าวงการทั้งที่บุคลิก หน้าตา และไหวพริบอีกฝ่ายเหมาะกับการปั่นมาก ท่านประธานเหยียนไม่ฝืนใจ จึงเสนอให้รองประธานชวนอีกฝ่ายมาทำงานในแผนกที่เจ้าตัวสนใจทำงาน ส่วนตัวเขาก็แวะเวียนนัดฟ่างเล่อจิ่งทานข้าวชดเชยความเข้าใจผิดบ้าง ตอบแทนบ้าง …สารพัดเหตุผลที่เขาสามารถหยิบยกมากวนใจ (แค่ก) อีกฝ่ายได้

ฟ่างเล่อจิ่ง: สวัสดิการแบบนี้ ไม่ต้องให้ผมทุกอาทิตย์ก็ได้ ผมจะกลับไปนอนนน


ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลางถึงมาก)

บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ ด้วยเป็นคุณอวี่เซี่ยวหลานซานเขียน เราเลยเล็งเรื่องนี้ไว้นานมากค่ะ จนมีโอกาสเก็บเล่มแรกมาก็ดองจนอีกสามเล่มออกครบถึงได้จังหวะจับเล่มแรกมาอ่านค่ะ และพอได้เริ่มเล่ม 1 ความชิล ๆ อ่านขำ ๆ เพลิน ๆ ไม่ต้องคิดมาก ก็ทำเราอ่านไหล ๆ จนจบเล่มแรกอย่างรวดเร็วค่ะ และจากความชิลเล่าเรื่อย ๆ หวาน ๆ นี้ ก็ทำเราอยากติดตามว่า เรื่องราวที่ไม่เน้นการแสดงในวงการบันเทิง แต่ดูเล่าชีวิต ความสัมพันธ์ กับอุปสรรคไม่หนักไม่เบารอบตัว นักเขียนจะนำเสนออะไรต่อไปในอีก 3 เล่มที่เหลือกันนะ? ความจริงนอกจากเรื่องราวของคู่หลัก คู่รองก็น่าลุ้นน่าเอ็นดูด้วยค่ะ ใครกำลังสนใจเรื่องนี้มาค่ะ มาฟังเราเล่ากันสักแป๊บบบบ


เรื่องชะตาไม่ต้องกัน ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ…เจอทีไรซวยทุกที!

ฟ่างเล่อจิ่ง ทำงานช่วยสังคม ทำให้ในการพบกันระหว่างเขากับ เหยียนข่าย มีความเข้าใจผิดต่อกันเล็กน้อย แต่หลังจากต่างคนต่างรู้จักกัน ฟ่างเล่อจิ่งก็ได้เข้ามาทำงานในบริษัทตงหวนเอนเตอร์เทนเมนต์ ในแผนกบัญชี ซึ่งสร้างความเสียดายแก่ทั้งประธานและรองประธานอย่างมาก ถึงอย่างนั้นเหยียนข่ายก็ไม่คิดบังคับให้ฟ่างเล่อจิ่งทำงานวงการบันเทิงโดยที่อีกฝ่ายไม่ชอบ และยังคอยนัดฟ่างเล่อจิ่งออกมาทานข้าวตอบแทนอีกด้วย ทว่า ฟ่างเล่อจิ่งไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่ท่านประธานนัดเขาออกไป ทำไมต้องมีเหตุสุดวิสัยทุกครั้ง ไม่ว่าจะหลงทาง ร้านปิด ฝนตก พายุเข้า … ถึงอย่างนั้นเหยียนข่ายก็ยังมุมานะในการนัดเขา

ฟ่างเล่อจิ่ง (เสียงในใจ) : ยอมรับเถอะครับว่าดวงเราไม่สมพงษ์กัน ปล่อยวางเรื่องนัดผมสักทีเถอะ


ฉันจะอยู่ตรงนี้เสมอ เพราะฉะนั้น ทำเรื่องที่นายอยากทำก็พอ

หลังจากการนัดที่ไม่ค่อยจะราบรื่นทำให้พวกเขาสองคนใกล้ชิดกันในสถานการณ์แปลก ๆ บ่อย ๆ เหยียนข่ายก็ค่อยดูแลฟ่างเล่อจิ่งในยามมีปัญหาอยู่หลายครั้ง ส่วนทางฟ่างเล่อจิ่งยังคงทำงานเบื้องหลังต่อไป จนกระทั่งเสิ่นหานเกิดปัญหา ทำให้ฟ่างเล่อจิ่งเกิดทางเลือกในสายงานอีกครั้ง เวลานี้เองที่เหยียนข่ายยังคงอยู่เคียงข้างเขา ไม่ว่าเขาจะเลือกเส้นทางไหน ท่านประธานคนเก่งพร้อมสนับสนุนเจ้าตัวเสมอ เพื่อจัดการกับผู้ไม่หวังดี และยื้อเวลาให้เสิ่นหานกลับมาเล่นละคร ฟ่างเล่อจิ่งจึงเลือกก้าวเท้าเข้าวงการบันเทิงแบบเฉพาะกิจ โดยมีเหยียนข่ายจัดการเตรียมผู้ช่วย และปิดข่าวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวไว้ให้ ท่านประธานเหลือทางถอยให้ฟ่างเล่อจิ่งมากที่สุด ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ชอบงานนี้จริง ๆ จะได้ไม่มีใครตามมารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเล่อเล่อได้ !


เขาตอบรับการมาบ้านแบบนี้ คือใจตรงกันใช่ไหม ?

ความสัมพันธ์คู่นี้ไปแบบไหลลื่นมากเลยล่ะค่ะ กับประธานเหยียนค่อนข้างชัดเจนว่าเขาชอบฟ่างเล่อจิ่งตั้งแต่นัดเจอบ่อย ๆ แล้วเขาค่อยดูแลอีกฝ่ายอยู่ตลอด ขณะที่ทางฟ่างเล่อจิ่งกลับเป็นอะไรที่เราคนอ่านลุ้นค่ะ เขาจะรู้ไหม รู้ตอนไหน แล้วเขาตอบรับความรู้สึกท่านประธานไหม ตอนไหน แบบบบบบ เราชอบมาก ที่นักเขียนไม่เล่าความรู้สึกเล่อเล่อตรง ๆ แต่จะให้เห็นจากการกระทำ อย่างเช่น คนอย่างฟ่างเล่อจิ่งที่ไม่ค่อยหงุดหงิด หรือ ทุกข์ใจ พอเกิดมีอารมณ์เหล่านั้น เพียงรับสายของเหยียนข่าย จู่ ๆ เจ้าตัวยิ้มกับมือถือ และนอนหลับอย่างสบายใจ …แบบบบบ ความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ตามทางนี้คือ ชวนยิ้มมากค่ะ ที่เหลือก็หวานกันไปรัว ๆ คู่นี้ซัปพอร์ตกันเป็นอย่างดีเลยค่ะ


บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ เล่ม 1 เป็นอะไรที่อ่านเพลิน ๆ จนเราไหลไปอ่านเล่มสองช่วงต้นต่อไปอีกหน่อยแล้วค่ะ เป็นแนวสบาย ๆ ไว้อ่านให้ชุ่มชื่นใจในเวลาเหนื่อย ๆ ไม่อยากอ่านแนวหนักสมองค่ะ แต่ส่วนตัวมีจุดติดในเนื้อเรื่องนิดหนึ่งตรงมุกตลกในวงเพื่อนรอบตัวของเหล่าตัวเอกค่ะ เราไม่ค่อยอินกับมุกตลกที่ใช้สรีระร่างกายของคนมาเอ่ยถึงเท่าไร ซึ่งตอนอ่านแนวยุทธภพ จำว่าไม่เคยเจอคุณนักเขียนใช้มุกทำนองนี้ เลยไม่คิดว่าจะเจอในแนวนี้ แต่เป็นจุดติดส่วนตัวค่ะ โดยภาพรวมยังอ่านได้เพลิน ๆ ๆ


เพ้อเจ้อตัวประกอบ

พูดถึงคู่รอง …ใครเคยอ่าน หรือ ดู เรื่อง รักนี้แด่เพียงคุณ ไม่รู้จะรู้สึกเหมือนเราไหม ว่าเขาเหมือนคู่ รองที่สองที่เป็นบรรณาธิการกับนักเขียนเลยค่ะ คนหนึ่งนิ่ง ๆ คนหนึ่งซื่อ ๆ ตรง ๆ น่าติดตามมากว่าจะสมหวังกันยังไงนะ!


By Chadang





รีวิว แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ( 3 เล่มจบค่ะะ)

  แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ผู้แต่ง ปี่ข่าปี่ ผู้แปล จื่อซิน ผู้วาด 梨乖 酥 สำนักพิมพ์ Inltreebook เรื่องย่อ หลินชิงอวี่ แต...