วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565

รีวิว ระบบพึ่งพาตนเอง เล่ม 1-2 (ฉากประทับใจมีสปอยล์)




ระบบพึ่งพาตนเอง

ผู้เขียน 碉堡rghh

ผู้แปล อวี่หลินหลิง

ผู้วาด Chonggong

สำนักพิมพ์ Caihong

เรื่องย่อ

[ติ๊ง!]

[ระบบพึ่งพาตนเองระหว่างดวงดาวเริ่มทำงาน เป้าหมายของเราคือพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเอง ปฏิเสธการเกาะคนอื่นกิน โฮสต์ต้องแรกด้วยแรงกายและลงมือทำด้วยสองมือของตัวเองเท่านั้นถึงจะได้ผลลัพธ์ที่งดงามที่สุด มาทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นกันเถอะ!!!]

แมงดาหมื่นปีลู่ฉี่: …

ปลาไหลหมื่นปีเสิ่นเมี่ยวผิง: …


>> แบบเวอร์มีสปอยล์น้อยย และ >> แบบเวอร์มีสปอยล์ (ปานกลาง)

                            >> ชวน Talk ความประทับใจในระบบพึ่งพาตนเอง โลก 1-2 (สปอยล์มาก)

   

ฉากประทับใจโลก 1:

    รถยนต์จอดห่างออกไปประมาณหนึ่ง การประคองคนเมาทำให้ถือร่มไม่ค่อยสะดวก ลู่ฉี่จึงถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วห่อตัวฮั่วหมิงเชินไว้ในอ้อมแขนก่อนอุ้มวิ่งฝ่าสายฝนออกไป...บนรถยนต์ ร่างกายท่อนบนลู่ฉี่เปียกโชก น้ำฝนอาบไล้ลงมาถึงปลายเส้นผมขับให้ใบหน้าเขาดูเย็นชาไร้ความรู้สึก ใครบางคนเอนกายนิ่ง ๆ อยู่เยาะข้างคนขับ โชคดีมีเสื้อคลุมของลู่ฉี่ นอกจากคราบน้ำมุมเสื้อแล้ว ส่วนอื่นของฮั่วหมิงเชินยังแห้งสนิท


    ชอบฉากนี้มากค่ะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่เหมือนเป็นฉากหนึ่งที่บอกแต่ต้นว่า พระเอกให้ความสำคัญกับฮั่วหมิงเชินมากกว่าที่ตัวเขาคิด


ปลายสายเงียบไปสามวินาที ฮั่วหมิงเชินก็พูดทีเล่นทีจริงว่า

“ถ้าฉันบอกว่าฉันอยู่ใต้ตึกบ้านนาย นายจะเชื่อไหม”

ลู่ฉี่ตอบ

“อย่ามาล้อเล่น”

แต่ร่างกายกลับขยับลุกออกจากเก้าอี้แล้ว...เขารู้สึกมั่นใจอย่างบอกไม่ถูกว่าอีกฝ่ายอยู่ข้างล่าง

ฮั่วหมิงเชินสตาร์ตรถยนต์ เตรียมจะขับออกไป

“ถ้าล้อเล่นแล้วจะทำไป นายอย่างจริงจังนัก---”

คำพูดเหล่านั้นพลันหยุดกะทันหัน เนื่องจากเงาร่างคุ้นเคยอยู่ห่างจากกระจกรถยนต์แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น


    มีความรู้ทันลึก ๆ ว่าฮั่วหมิงเชินน่าจะมาจริง ๆ แน่ ๆ แล้วทางคุณชายฮั่วก็คือมาจริง ๆ เขาคิดถึงมากจนขับรถมาเห็นแต่บ้านอีกฝ่ายก็ยังดี ;---;


“รีบดูข้างนอกสิ!” …

เมื่อเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมา มนุษย์มักสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของตนเอง

    ปกติลู่ฉี่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ไม่รู้เพราะคนข้างกายหรือเหตุผลอื่น เขามองดูอย่างตั้งใจ กระชับกอดคนในอ้อมแขนแน่น เป็นช่วงเวลาที่หัวใจไร้ความปรารถนา สะอาดบริสุทธิ์อย่างหาได้ยาก


    รู้สึกเอ็นดู จริง ๆ ฉากนี้และฉากก่อนหน้า ทำเราหวั่นไหวมาก และคิดว่าพระเอกเองก็หวั่นไหวเหมือนกันค่ะ คนคนนี้รักเขามากจริง ๆ สองชาติแล้ว อีกฝ่ายก็ยังหลงรักและให้หัวใจของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาเหมือนเดิม


เร็วเข้า! เร็วอีก!

    ลู่ฉี่ใช้มือเช็ดน้ำออกจากใบหน้า ไม่รู้ว่าเป็นคราบเลือด หยาดเหงื่อ หรือเม็ดฝนกันแน่ ร่างกายของเขาไร้ความรู้สึกไปแล้ว แม้แต่ความเจ็บปวดก็ไม่อาจรับรู้ได้ รู้เพียงแค่ว่าวิ่งไปข้างหน้าอย่างด้านชา ยิ่งวิ่งออกไปไกลเท่าไร ถนนก็ยิ่งกว้างมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเห็นแสงสว่างไกล ๆ


    ชอบจังหวะบีบคั้น น้อยมากที่จะเห็นพระเอกแนวนี้วิ่งบนความกดดันสูงสุด สุดท้ายแล้วลู่ฉี่ก็ไม่ได้เป็นคนที่เก่งทุกด้าน และไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจอย่างที่เจ้าตัวเข้าใจ


ปัง!

นาฬิกาที่เพิ่งถอดออกพลันตกลงสู่พื้น เสียงกระทบดังขึ้นแผ่วเบา

    ลู่ฉี่แข่งขาอ่อนแรง ทรุกลงกับพื้น ท่าทางตกใจสุดขีด คล้ายว่ากำลังหวาดกลัวสูญเสียบางอย่าง ...เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ลู่ฉี่รู้สึกหวาดกลัว...กลัวอะไร เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน


    ฉากนี้ อยากผลักคนขับรถคนนั้นมาก ไม่เห็นเหรอว่าเขาบาดเจ็บน่ะ! แล้วนายไม่ได้ยินเสียงปืนหรือไง! เป็นฉากต่อเนื่องที่ให้อารมณ์ดีค่ะ กดดันพระเอกจนกระทั่งเผยด้านที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นออกมา ส่วนตัวชอบมาก ๆ


“ขอแค่นายยังมีชีวิตอยู่ อะไรก็ได้”

    ไม่ว่าชาติก่อน หรือชาตินี้ ลู่ฉี่ไม่เคยให้สัญญาที่ยุติธรรมเช่นนี้มาก่อน หากคนผู้นั้นต้องการทรัพย์สินทั้งหมดของเขา ก็ยังไม่ยากเท่าควักหัวใจและปอดของเขาไป แต่เขารู้แก่ใจดีว่าฮั่วหมิงเชินไม่ต้องการ

...

    แม้แต่ในเวลาระหว่างความเป็นความตาย ผู้ชายคนนี้ก็ไม่พูดหวาน ๆ อย่างฉันรักนาย นายรักฉันออกมาให้ได้ยิน คล้ายว่าสมองขาดการคิดพิจารณามาตั้งแต่กำเนิด เลือดเย็นโดยแท้ หรือพูดว่าเฉลียวฉลาดเกินไปก็ได้จึงไม่ปล่อยให้อารมณ์ควบคุมความคิด ทั้งนิ่งจนน่ากลัว

    แต่ไม่เป็นไร ฮั่วหมิงเชินมีวิธีรักษาเขา

    เห็นไหม ฮั่วหมิงเชินไม่ได้ถามลู่ฉี่ว่าชอบหรือไม่ชอบเหมือนกับคนอื่น เขาไม่ใช่คนพูดจาไร้สาระอยู่แล้ว เขาเอ่ยแค่ประโยคเดียว

“ถ้าอย่างนั้นนายเต็มใจที่จะเอาเงินทั้งหมดมาเก็บไว้ที่ฉันไหมล่ะ”

    ...เหมือนลู่ฉี่จะเข้าใจบางอย่างแล้ว เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมา...กระแสลมพัดผ่าน ขณะที่สายฝนโปรยปรายลงมา เขาพยักหน้าราวกับยอมรับในชะตากรรมของตนเอง

“...ฉันเต็มใจ” เขาพูด “เอาไปสิ”

    ฮั่วหมิงเชินใช้เวลาสองชาติ สองชีวิต ในที่สุดก็ทำให้เลือดและหัวใจของคนผู้นี้อุ่นร้อน


    คำบอกรักที่ไม่มีคำว่า “รัก” แล้วฮั่วหมิงเชินก็เข้าใจลู่ฉี่มากพอจะเลือกถามได้ตรงจุดด้วยเรื่อง “เงิน” ลูกรักพระเอกแทน 55555 เป็นอีกหนึ่งฉากที่ชอบมากเลยค่ะ




ฉากประทับใจโลกที่ 2:

    ไม่มีหัวใจของผู้ใดแข็งกระด้างแต่กำเนิดทุกคนล้วนต้องเคยผ่านวัยฟุ้งซ่านมาแล้วทั้งสิ้น ก่อนอายุสิบขวบเสิ่นเมี่ยวผิงยังจดจำผู้หญิงคนนั้นได้ บางครั้งมักจะสงสัยว่ามารดาทิ้งตนเองไปแล้ว ไม่ต้องการเขาแล้ว หรือแต่งงานกับผู้ชายที่ดีกว่า และให้กำเนิดบุตรอีกคน นอกจากนี้ยังมีความคิดอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่ภายหลังเขาเพิ่งเข้าใจ ไม่ว่าเรื่องใดต้องคิดในทางที่ดี

    ดังนั้นเสิ่นเมี่ยวผิงจึงคาดเดาว่ามารดาของเขาอาจจะเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปดูงาน มีเพียงสิ่งนี้ที่ช่วยบรรเทาความขุ่นเคืองในใจของเขาลง ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก

    ทันใดนั้นเสิ่นเมี่ยวผิงก็รู้สึกตัว เซี่ยอวี้จือได้ทิ้งทางหนีทีไล่ไว้ให้เขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทางออกของชีวิต สิ่งที่ทำได้ก็ทำแล้ว สิ่งที่คิดได้ก็คิดแล้ว


    พระเอกแต่ละคนมีปมต่างกัน ถ้าคนก่อนเป็นเพราะตัวเขาเอง คนนี้ก็เป็นเพราะสังคมหล่อหลอมให้เขาเป็น เมื่อทะลุมิติมาเจอกับคนที่รักเขาอย่างจริงใจ ไม่ว่าอะไรก็คิดเผื่อเขาไว้แทบทุกอย่าง เขาถึงได้สามารถเป็นตัวเขาในแบบที่ควรจะเป็นมาตลอดได้ ;---;


    กล่าวกันว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดคือกุญแจที่แน่นหนาที่สุด แต่ยังมีคำกล่าวอีกว่า ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา พันลี้แห่งแม่น้ำและขุนเขาไม่อาจย้อนคืน เซี่ยอวี้จืออาจสามารถต่อสู้กับคนนับล้าน แม้ต้องตายสักเก้าครั้งก็ไม่หวั่นเกรง แต่เขากลับกลัวว่าหลังตนสิ้นใจ เสิ่นเมี่ยวผิงจะมีชีวิตตกต่ำ

    เซี่ยอวี้จือมีชีวิตหนึ่งวัน ก็ปกป้องเขาได้หนึ่งวัน แต่หากเสิ่นเมี่ยวออกจากบ้านสกุลเซี่ยไป หายไปต่อหน้าต่อตาเขา ก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องชีวิตนี้อีกแล้ว...


    เราเป็นคนแพ้ทางตัวละครที่มีนิสัยปกป้องคนรักแบบสุด ๆ อย่างเซี่ยอวี้จือมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าจะขอพาดพิงอีกคน ที่ตอนอ่านทำเรานึกถึงก็คงเป็นท่านแม่ทัพกู้ จากฆ่าหมาป่าค่ะ ตัวละครสไตล์ที่พอมีคนรักแล้วถึงเริ่มให้ความสำคัญกับชีวิต เริ่มมองอนาคต ปกป้องคนของเขาเอาไว้อย่างดีที่สุด แต่ถ้าเสียคนรักไปก็แลกเลือดด้วยเลือด ส่วนชีวิตตัวเองก็ไม่สำคัญอีกแล้ว // อยากกดอิโมจิหัวใจรัว ๆๆๆ //


“...เซี่ยอวี้จือ”

    เสิ่นเมี่ยวผิงเอนหลังพิงต้นไม้ ละสายตาจากศพตรงหน้า มือล้วงลึกเข้าไปในดินโคลน หางตาหรี่ลง พูดชื่อของเซี่ยอวี่จือ ออกมา ปลายเท้าที่คิดจะหนีหยุดชะงัก ราวกับสามคำนี้ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจยิ่งกว่าคำว่า ‘อมิตตาพุทธ’ เสียอีก

    ความรู้สึกไม่สบายใจเป็นเรื่องแปลกสำหรับวัยนี้ นานมากแล้วที่เสิ่นเมี่ยวผิงไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับใครหรือสิ่งใด กระทั่งเมื่อวินาทีก่อน


    สิ่งที่ชอบเวลาอ่านตัวเอกมีนิสัยไม่ดีบางอย่าง จากตนเอง หรือจากสภาพแวดล้อมแล้วเขามีพัฒนาการแก้ปมตรงได้นั้น เป็นอะไรที่เราชอบมากเลยค่ะ โดยเฉพาะการมีจังหวะให้เราสะกิดรู้แล้วว่า เนี่ยแหละ คือเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป หรือขยี้สักจุดหนึ่งเพื่อให้รู้ว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาเนี่ยแหละสะสมให้คนคนนี้เป็นแบบนี้ในตอนท้าย เราชอบมากค่ะ


    คล้ายว่าอีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลัง จึงเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยอวี้จือทันที ใบหน้าหล่อเหลาของคนผู้นั้นเป็นสีเทา เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโคลน แต่เซี่ยอวี้จือก็ยังจำเขาได้

“เสิ่นเมี่ยวผิง...”

“ข้าไม่ไปไหน” เสิ่นเมี่ยวผิงเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว เขาพิงกำแพงมองเซี่ยอวี้จือ พูดด้วยน้ำเสียงแฝงความอวดดี ก่อนจะย้ำอีกครั้งว่า

“ข้าไม่ไปไหน”

    ลูกกระเดือกของเซี่ยอวี้จือขยับเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร สุดท้ายเสิ่นเมี่ยวผิงใช้มือยันกำแพงลุกขึ้นยืน ยกยิ้มแล้วรั้งเขาเข้าสู่อ้อมแขนเฉกเช่นหลายค่ำคืนที่ผ่านมา จากนั้นเอื้อมมือไปลูบสัมผัสแผ่นหลังของอีกฝ่ายเบา ๆ

“ไม่เป็นไร พวกเราไม่เป็นไรแล้ว”

“ข้าไม่ไปไหน และจะไม่แต่งกับผู้ใดอีก ข้าจะอยู่กับท่านไปชั่วชีวิต”


    เราชอบท่อนสุดท้ายของโลกสองมาก ๆ ค่ะ ช่วงพีคหลัง ๆ มีแต่จุดที่ทำให้ชอบ แม้ว่าคนนี้จะเผยความหวั่นไหวออกมาในนาทีสำคัญ แต่เรารู้สึกได้ว่า เขาก็รักของเขามากจริง ๆ ค่ะ



    555555 มายาวอีกแล้ววว ใครตามมาจนถึงตอนนี้ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะะ อ่านแล้วชอบฉากไหนกันบ้างมาคุยกันได้นะคะ >< 


ชาแดง







 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีวิว แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ( 3 เล่มจบค่ะะ)

  แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ผู้แต่ง ปี่ข่าปี่ ผู้แปล จื่อซิน ผู้วาด 梨乖 酥 สำนักพิมพ์ Inltreebook เรื่องย่อ หลินชิงอวี่ แต...