ภาพปกของต่างประเทศค่ะ
ภาพปกของไทย
แอบเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ
ผู้เขียน มู่กวาหวง (Mu Gua Huang)
ผู้แปล HY
ผู้วาด Ke Xiao Bei
สำนักพิมพ์ Rose Publishing
เรื่องย่อ
เซี่ยอวี๋ คือนักเรียนที่สอบได้อันดับที่สองเมื่อนับจากท้ายของโรงเรียน
เด็กหนุ่มเย็นชาผู้เป็นตำนานพี่ใหญ่ฝั่งตะวันตก ซึ่งสามารถสู้กับนักเลงนอกโรงเรียนได้ด้วยตัวคนเดียว
เฮ่อจาว คือนักเรียนที่ได้อันดับหนึ่งนับจากท้ายของโรงเรียน
เด็กหนุ่มหน้ายิ้มที่มีเพื่อน (?) ล้อมหน้าล้อมหลังเรียก
พี่จาว อยู่เสมอ แต่ถึงดูเป็นมิตรอย่างไร หรือไม่สุงสิงกับใครอย่างไร
นักเรียนปกติส่วนใหญ่อยากขออยู่ห่างจากพวกทั้งสองมากกว่า
แต่คำขอนี้ไม่ใช่กับเด็กห้องสาม
ซึ่งต้องอยู่ร่วมห้องกับสองพี่ใหญ่แห่งตะวันตก และตะวันออก มัธยมศึกษาที่ 5
นี้ของพวกเขาเกรดเฉลี่ยรวมจะรอดไหมเนี่ย !!!
พื้นที่ความเห็นแบบปลอดสปอยล์
แอบเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ นิยายชีวิตวัยรุ่น และรักในวัยเรียนที่ค่อนข้างอบอุ่นและมีพัฒนาการ
เนื้อเรื่องเรื่อย ๆ แต่ไม่เอื่อยเฉื่อย มีเป้าหมายพัฒนาการของตัวละครแต่ละตัวชัดเจน
แม้แต่เด็ก ๆ ในห้อง อาจารย์และผู้ปกครอง เราค่อนข้างชอบนิยายแบบนี้มากเลยค่ะ
จังหวะต่าง ๆ กำลังดี ถ้าช้ากว่านี้จะน่าเบื่อ ถ้าเร่งไปความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงของตัวละครจะไม่พอ
สุดท้ายแล้วสิ่งที่นิยายอยากจะสื่อหลัก ๆ คงจะเป็น “สิ่งที่เราลงมือทำเพื่อคนอื่นแล้วคิดว่าดี
คนอื่นคนนั้น...เขาคิดว่าดีด้วยจริงหรือไม่”
เซี่ยอวี๋
เป็นเด็กหนุ่มพูดน้อย เย็นชา เกิดเรื่องอะไรเขาไม่เจรจา
และเลือกคุยด้วยหมัดของเขาแทน ความเย็นชาของเขาเป็นเกราะคุ้มกันตัวเองทั้งกายและใจ
รวมทั้งป้องกันคนที่รักในแบบของเขาด้วย เขาเติบโตมากับแม่ เมื่อแม่แต่งงานใหม่กับนักธุรกิจมีเงินคนหนึ่ง
ความสัมพันธ์แม่ลูกก็ห่างเหินมากขึ้น เพราะทางอีกฝ่ายที่มีลูกติดเหมือนกัน
ลูกชายทางนั้นกลับรับไม่ได้ที่มีแม่ใหม่และน้องชายคนใหม่
ลูกชายของพ่อใหม่กลัวถูกแทนที่และกลัวถูกแย่งสมบัติ เซี่ยอวี๋เลยเลือกที่จะออกห่างจากทุกคน
รวมทั้งออกห่างจากเรื่องเรียน เซี่ยอวี๋ ที่เคยได้รางวัลดีเด่นมากมาย
กลายเป็นรองบ๊วยของโรงเรียน และกลายเป็นพี่ใหญ่แห่งอาคารตะวันตกที่สู้กับอันธพาลแบบ
1 ต่อ 5 ก็ชนะขาดไป
เฮ่อจาว เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่หลงตัวเองขั้นสุด
แต่ก็ถูกยกย่องว่าเป็นพี่ใหญ่แห่งอาคารตะวันออกด้วยชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนักเช่นกัน
เขาเป็นที่หนึ่งนับจากท้ายของโรงเรียน ที่อารมณ์ดี และติดลูกอมอย่างมาก ความไม่บังเอิญจากคะแนนที่ต่ำเตี้ยของพวกเขาสองคนทำให้มาอยู่ห้องเดียวกัน
และกลายเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกัน ท่ามกลางความหวาดผวาของเพื่อนร่วมชั้น ม.5 / 3
สองพี่ใหญ่ของโรงเรียนที่เคยเป็นสุดยอดอัจฉริยะด้านการเรียนต้องมานั่งเนียนเป็นนักเรียนห่วย
ๆ ไม่ให้ใครจับได้ โดยที่ต่างก็ไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของตัวเองเรียนเก่งแค่ไหน เรื่องราวจากนี้
...จะสปอยล์มากไปของตัดจบค่ะ 5555
ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นแบบธรรมชาติมาก
มีที่ไปที่มา และตรงไปตรงมา น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ
คะแนน 8.5/10
ต้องยอมรับว่านอกจากสำนวนแล้ว
เราค่อนข้างแปลกใจกับจังหวะเล็กน้อย ไม่ทราบว่าเป็นที่ต้นฉบับด้วยไหม แต่เรื่องนี้
จะเล่นการบรรยายแบบมีสลับฉากคิดถึงอดีต หรือเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว คล้ายซีรี่ย์เกาหลีค่ะ
เช่น ฉากลุ้นมากฉากหนึ่งตัวละครกำลังเผชิญหน้ากัน แต่ถูกตัดฉับขึ้นฉากใหม่
กลายเป็นเช้าอีกวัน คนดูจะไม่ทราบเลยว่าตัวละครที่เผชิญหน้ากันไปคุย ดีลอะไรกันไว้
กว่าจะรู้คือเมื่อไคลแม็ก มาถึงจะมีฉากย้อนความเล่าให้ฟังอีกครั้งว่าเขาเผชิญหน้ากัน
ดีลอะไรกัน เป็นต้น
แอบเนียนมีวิธีเล่าลักษณะคล้าย
ๆ แบบนี้หลายฉากค่ะ (จริง ๆ ก็เกือบทั้งเรื่อง) สะดุดคิดแค่ช่วงแรกจับจังหวะได้ก็อ่านไหลล
แต่หลายครั้งบรรทัดกับหน้า ไม่มีอะไรเป็นตัวบอกว่ากลับมาปัจจุบัน เราเลยรู้สึกว่าหากไม่คุ้น
บางคนอาจจะสับสนได้ แต่จุดนี้ก็เป็นความรู้สึกส่วนตัวค่ะ โดยรวมแล้วเราอ่านแล้วยังซึมซับเนื้อหาได้สนุกอยู่ค่ะ
เนื้อเรื่องดีค่ะ
พื้นที่ความเห็นแบบสปอยล์ (อย่างละเอียด)
แอบเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ เป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกว่า นักเขียนคิดเหตุและผลหลาย
ๆ จุดมาแล้ว แบบคนที่รู้ว่า ถ้าเขียนแบบนี้ ๆ ๆ
จะมีปัญหา เขาเลยนำเหตุผลบางอย่างมารองรับไว้ ซึ่ง ... เราให้ผ่าน
เพราะยังไงถ้ามุมคิดตามตัวละคร ความผิดพลาดแบบนี้ในชีวิตจริงก็เกิดขึ้นได้
และบอกตรง ๆ เลยกับนักอ่านสำหรับเราคิดว่าเป็นสิ่งดีนะคะ << หมายถึงอะไรใช่ไหมคะ ก่อนอื่นขอย้ำก่อนว่าจากนี้ สปอยล์
ค่ะ หลุดอะไรบ้างไม่รู้ ใครอยากอ่านอยากลุ้นปิดเร็วววว
เราคิดว่าแก่นของเรื่องนี้น่าจะเป็น
“สิ่งที่เราลงมือทำเพื่อคนอื่นแล้วคิดว่าดี
คนอื่นคนนั้น...เขาคิดว่าดีด้วยจริงหรือไม่”
ประโยคท่อนหนึ่งในเรื่อง
พระเอกเคยพูดอะไรประมาณนี้กับนายเอกค่ะ ถึงความจริงพอเรามาคิดดู
ก็เข้าตัวพระเอกไปเยอะอยู่เหมือนกัน แต่เราคิดว่า เพราะเขาเองก็เป็นเหมือนนายเอก
และเริ่มคิดได้แล้ว ถึงสามารถพูดเตือนออกมาได้ค่ะ
จุดเด่นของเรื่อง
เรามองว่าอยู่ที่ตัวละครไม่ใช่แค่ เซี่ยอวี๋ กับเฮ่อจาวนะคะ คุณแม่ของเซี่ยอวี๋
อาจารย์ประจำชั้นม.5 ห้อง 3 คนแรก เพื่อน ม.5 ห้อง 3 ทุกคน และเพื่อนสนิทของเซี่ยอวี๋
ทุกคนมีพัฒนาการร่วมกับสองตัวละครเอกไปตลอดเรื่อง หรือเวลาประมาณ 1 ปี เลยค่ะ
ถ้าบอกว่าเรื่องนี้เป็นแนวเรื่อย ๆ ก็นับว่าเรื่องแบบถูกว่าเช็คพ้อยท์
และเป้าหมายไว้อย่างดีค่ะ (ความเห็นส่วนตัวทั้งหมดนะคะ)
เซี่ยอวี๋ เขาเป็นตัวละครนำเรื่องเสียส่วนใหญ่
ทำให้เราเห็นพัฒนาการและอิทธิพลรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงเขาได้ชัดที่สุด
เริ่มแรก เขาถูกเปิดตัวมาในฐานะเด็กที่ดูเย็นชา แสดงอารมณ์ไม่เก่ง
แต่รักพวกพ้องมาก เขาเป็นคนสื่อสารด้วยกำลังเป็นหลักมากกว่าจะพูดคุยเจรจา
นั่นทำให้มีปัญหากับครอบครัวเพียงคนเดียวของเขา คือแม่ เซี่ยอวี๋ตัดสินใจลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างแม่กับครอบครัวใหม่
รวมทั้งปิดปากเสียงนินทาว่าเขาจะมาหุบสมบัติ ด้วยการตัดสินใจเองที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นนักเรียนห่วย
ๆ คนหนึ่ง ซึ่งหมายถึงคนเอาอนาคตของตัวเองมาทิ้ง เพราะคิดว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดนั่นเองค่ะ
จุดนี้จะพบว่าเซี่ยอวี๋เป็นคนคิดและทำอะไรด้วยตัวคนเดียวมากกว่าที่จะปรึกษาคนอื่น
และค่อนข้างมีอารมณ์ที่ร้อนภายใต้เปลือกที่เย็นชา
และความจริงเป็นคนขี้ใจอ่อนยวบยาบมาก ๆ กับคนที่ตรงไปตรงมากับตัวเองค่ะ <<
ตรงนี้จะมีฉากรองรับชัด ๆ ช่วงท้าย
ที่จิ้งจิ้ง เข้ามาขอให้เซี่ยอวี๋เข้าทีมเต้นของห้อง แล้วสุดท้ายเซี่ยอวี๋ตกลง
เพราะเขาใจอ่อนกับท่าทางจริงจังและตรงไปตรงมาของเพื่อนค่ะ (ซึ่งรายทางจะเห็นเยอะมากกก
พระเอกเองก็จับจุดได้ เลยชอบเขามาก ๆ)
กลางเรื่อง เซี่ยอวี๋เริ่มได้รับอิทธิพลจากเฮ่อจาว เนื่องจากเฮ่อจาวมักชอบแก้ปัญหาด้วยการพูดคุย
และรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม รวมถึงคำพูดบาดจิตชวนกระอักเลือดมากกว่าลงไม้ลงมือ
แม้สู้เก่งมาก ๆ แต่ลงมือจริงน้อยมากกก เซี่ยอวี๋ซึ่งนั่งโต๊ะติดกันมาเกือบเทอมจึงซึบซับวิธีการของเขา
กลายเป็นคนใจเย็นกับคำพูดดูถูกของพี่ชายต่างพ่อ และเลือกใช้คำพูดสวนกลับแทนหมัดอย่างแต่ก่อน
นอกจากนี้ ถ้าสังเกตดี ๆ ช่วงที่เซี่ยอวี๋นอนคาบเช้า เขามักจะหงุดหงิดง่ายกับเสียงรอบตัว
แต่พอมากลางเรื่องเขาเริ่มเงยหน้าฟังเสียงของเพื่อน ๆ ว่าพูดอะไรกันก่อนจะฟุบนอนต่อ
ปฏิกิริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เขียนทิ้งไว้ให้จับดีมาก ๆ
ในส่วนของความรัก
ก่อนที่เซี่ยอวี๋จะรู้ตัวว่าพระเอกเริ่มกลายเป็นข้อยกเว้นของเขา ช่วงเนื้อหาประมาณนี้
นักเขียนแอบใบ้ ให้เรื่อย ๆ อะไรที่พระเอกขอเขาก็ทำให้ พระเอกติดหนึบลากไปไหน
รำคาญก็ยังปล่อยเขาลากไป งานกิจกรรมอะไรที่ปีก่อนเคยโดด
พระเอกลากเข้ากลุ่มเพื่อนในห้อง เขาก็ยอม ๆ ทำตามขีดจำกัดที่เขาทำให้ได้ ยิ่งพอได้คบกัน
เซี่ยอวี๋ยิ่งมีพัฒนาการด้านอารมณ์ดีขึ้นตามลำดับ และเป็นกำลังใจอันเข้มแข็งของพระเอกมาก
ๆ ด้วย
ช่วงท้าย เริ่มเรื่อง ฉายาของเซี่ยอวี๋ คือหมาป่าเดียวดาย
หรือหมายถึงคนที่ทำกิจกรรมกลุ่มไม่ได้ เพื่อนจะพากันตายหมด
แต่ท้ายเรื่องเขากลับเป็นคนที่เข้าร่วมกิจกรรมห้องทั้งหมด และทำเพื่อห้องจริง ๆ
เห็นชัดมากคือตอนแข่งบาส เมื่อเพื่อนโดนรังแก พระเอกลงสนามจัดการวางแผน
เซี่ยอวี๋ที่เหมือนเป็นดาบแหลมคมของห้องก็ลงสนามปกป้องเพื่อนอย่างไม่ลังเล
ปากก็ว่าไม่สนใจ แต่พอถึงว่าเข้าจริง เพื่อนลำบากเขาเข้าลุยด้วยตลอด
การบรรยายของนักเขียนที่สื่อว่าเสียรอบตัวของเซี่ยอวี๋เริ่มครึกคักขึ้นเราชอบมาก ๆ
ครั้งแรก คุยโทรศัพท์กับแม่ มีเสียงหัวหน้าห้องตะโกนบอกลาว่า พี่อวี๋ไปก่อนนะ
หรือฉากที่เขาจะนอนคาบเช้าเหมือนทุกวัน มีเสียงเพื่อน โหวกเหวกหัวเราะ แต่มันไม่น่ารำคาญสักนิด
เราหลับลงไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข เป็นพัฒนาการตัวละครที่ดีมากกก
เฮ่อจาว
เป็นอีกหนึ่งตัวละครนำที่มาบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองคู่กับเซี่ยอวี๋
เขาดูเป็นคนขี้เล่น ร่าเริง หลงตัวเอง (แค็ก ๆ ) แต่ความจริงซ่อนบุคลิกความเป็นผู้นำที่โดดเด่น
ชอบเก็บรายละเอียด และมีแผนการรับมือปัญหาเสมอ ถ้าอยากเปรียบเฮ่อจาวเป็นนักรบที่เก่งมากคนหนึ่ง
และเซี่ยอวี๋ก็เป็นดาบดีคู่กายนักรบที่ถือไว้ไม่มีวันแพ้ เพราะพึ่งพาได้เสมอ
เริ่มแรก เราจะยังไม่รู้ที่ไปที่มาของเขาเท่าไร รู้เพียงว่าเขาเป็นคนอ่อนไหวกับการที่
ผู้ใหญ่ตัดสินนักเรียนจากการที่คน ๆ เรียนไม่ดี ว่าเป็นนักเรียนไม่ดี
และเรื่องนี้เองที่ทำให้เขามีปัญหาลงไม้ลงมือกับอาจารย์ตอนม.4
จนมีฉายาว่าเป็นพี่ใหญ่อาคารตะวันออก ช่วงแรกของเรื่องเฮ่อจาวดูเป็นคนพูดไปเรื่อย พึ่งพาไม่ได้
และภาพลักษณ์ออกไปทางเกเรแบบมีลูกน้องติดตาม เขาเข้าม.5 มาก็มีปัญหากับอาจารย์ประจำห้อง
และอาจารย์ท่านนี้เป็นแบบที่เขาไม่ชอบ เห็นเขาเรียนไม่ดีก็เชื่อปักใจว่าเขาทำผิด
ลงไม้ลงมือกับเด็กที่อาจารย์เชื่อว่าเป็นเด็กเรียน
จุดนี้เราชอบที่ใส่ปัญหาในโรงเรียนเข้าไป
ถ้าเซี่ยอวี๋คือเด็กมีปัญหาครอบครัว เฮ่อจาวคือเด็กที่ถูกโรงเรียนทำให้มีปัญหา ปัญหาแรกนี้จะทำให้เราเห็นว่าเฮ่อจาวเป็นคนรักษาคำพูด
ละเอียดอ่อน และมีหลักการของตัวเองมาก ถ้าไม่ใช่ว่าเซี่ยอวี๋มีหลักฐานช่วยเขาพ้นผิด
บางทีเจ้าตัวคงไม่ได้เรียนต่อจนกลายเป็นพระเอกของเรื่อง และปัญหาแรกนี้เองที่ทำให้เขาสนใจเซี่ยอวี๋มากขึ้น
กลางเรื่อง
จะเป็นช่วงความสับสนทางความรู้สึกของเฮ่อจาวเสียเยอะ พอเขาบทรักที่กลางเรื่อง
ถ้าคนเขียนบรรยายเซี่ยอวี๋ให้เราจับ ๆ ต้อง ๆ
ของเฮ่อจาวคือชัดเจนและเป็นผู้นำหลักในท่อนนี้ เนื่องจากกลางเรื่องเป็นปัญหาของเฮ่อจาวว่าเหตุอะไรทำให้เขายอมกลายเป็นนักเรียนห่วย
ๆ ทั้งที่เขาเรียนเก่งมาก สิ่งที่เขาเลือกทำนี้เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดของตัวเอง
หรือก็คือการโทษตัวเองค่ะ ว่าเขาทำให้เพื่อนถูกไล่ออก ทั้งที่ความจริงจุดนี้คนผิดคืออาจารย์ต่างหาก
ซึ่งทางที่เฮ่อจาวเลือกจะมาเป็นนักเรียนห่วยนี้ ต่างจากเซี่ยอวี๋ที่ตัดสินใจเอง
เพราะเขาปรึกษาพ่อมาแล้วค่ะ และพ่อก็ให้คำปรึกษาอย่างดี
ท้ายเรื่อง ส่วนตัวรู้สึกว่าเฮ่อจาวเป็นคนคิดทบทวนอะไรอยู่เสมอค่ะ
การตัดสินใจเป็นนักเรียนห่วยของเขาเองก็ได้รับการคิดพิจารณาอย่างดี ปัญหาของเขาตลอดมาติดที่
ความกล้า ที่จะออกมาเผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดของตัวเอง ดังนั้นพอเขาได้รับความกล้าจากเซี่ยอวี๋ที่มักจะลุยไปตรง
ๆ แล้ว เรื่องอื่น พระเอกคนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ นอกจากอาการหลงตัวเอง ... (55555555)
เพื่อนร่วมห้อง ม. 5 ห้อง 3+8 แอบเนียนเป็นเรื่องที่ทำสมดุลตัวละครเพื่อน ๆ
ในห้องมาดีมาก เราชอบการจัดบทบาทพัฒนาการรอบตัวแบบนี้ ไม่ได้เน้นที่เรื่องราวของสองตัวเอกเท่านั้น
คนที่น่าประทับใจคนแรกคือหัวหน้าห้อง ที่เดิมเข้าใจผิดว่าพระเอกลงมือทำร้ายคน
เลยไปเป็นพยานปากสำคัญให้อาจารย์ที่ปรึกษาห้องสามคนเก่า เอาผิดกับเฮ่อจาว
แต่พอเขารู้ความจริงว่าตัวเองเข้าใจผิด ก็กล้าที่จะเดิมมาขอโทษตรง ๆ เราประทับใจมาก
ๆ นอกจากนี้ตัวละครอื่นอย่าง เจ้าพ่อนักข่าวประห้อง เพื่อนนักเรียนหญิงที่ถูกเรียกว่าพี่ชายของทุกคน
หัวหน้านักกีฬา หัวหน้ากิจกรรมและหัวหน้าวิชาการ ทุกคนมีบทบาทน่าประทับใจมาก อย่างหัวหน้าห้อง
หัวหน้ากีฬา และนักข่าวประจำห้องพอบังเอิญไปรู้ว่าพี่ใหญ่ทั้งสองรักกันก็ช่วยปิดบังกันเต็มที่
(ฮามาก ๆ ) หรือหัวหน้าวิชาการที่เด็กเรียนมากกกก ไม่เคยแตะเกมส์ แต่ตอนห้องพวกเขามีเรื่องกับห้องข้าง
ๆ เจ้าตัวยอมทำลายกฎไม่เล่มเกมส์ของตัวเองเพื่อไปช่วยเพื่อนในห้องตีกับห้องข้าง ๆ
ให้ชนะ น่ารักมากก ประทับมิตรภาพสุด ๆ
เหล่าอาจารย์และครอบครัว นักเขียนไม่ลืมเก็บตกจุดนี้ด้วยเราชอบจริง ๆ ค่ะ
สถานการณ์ก็ดีมากเหมือนกลับไปเป็นเด็กเตรียมสอบเลย
สุดท้ายแล้ว “สิ่งที่เราลงมือทำเพื่อคนอื่นแล้วคิดว่าดี
คนอื่นคนนั้น...เขาคิดว่าดีด้วยจริงหรือไม่”
เซี่ยอวี๋ทำตัวเองให้ห่วยเพื่อช่วยแม่
เฮ่อจาวทำตัวเองให้ห่วย ชดเชยความผิดตัวเอง พอคนที่เป็นตนเหตุมารู้จะกลายเป็นความสุขของพวกเขาหรือไม่
ในความเป็นจริง
การที่พวกเขาทำแบบนี้ก็เหมือนหลอกคนรอบข้าง
ถ้าไม่ใช่ว่าตัวละครทุกตัวมีมุมมองที่ดีมาก ๆ งานดรามาน่าจะบังเกิดแน่ ๆ ค่ะ
แต่ถือเป็นแก่นของเรื่องที่ให้คำตอบกลับมาชัดเจนดีค่ะ อย่างน้อยเพื่อน ครอบครัว
และที่ปรึกษาคนใหม่
เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เด็กวัยรุ่นสองคนนี้กลับมาเต็มที่กับความสามารถที่ตัวเองมีทันเวลา
และผลที่ดีมาก ๆ อย่างหนึ่งที่นักเขียนวางไว้ได้น่าประทับใจคือ
การที่เขาเจอกันและกันเนี่ยแหละค่ะ คือเหตุผลหลัก เรื่องนี้เลยขอให้ไว้ที่ 8.5
คะแนนค่ะ
นอกจากสำนวนและจังหวะอาจจะมีหักนิด
หักหน่อยปะปลายค่ะ
>>ในส่วนของที่เราเกริ่นไว้ข้างบนว่านักเขียนน่าจะคิดแล้วว่าอาจจะมีปัญหาคือ
... NC ค่ะ
ไม่ได้ลงลึก แต่อาจจะจงใจเล่านิด ๆ ที่น้องบอกว่าเจ็บหลังเสร็จกิจกันไปแล้วครั้งแรก จุดนี้นักเขียนเล่าตรง ๆ ว่าพวกเขาเป็นวัยรุ่น ทำให้มีบางจุดขาดความยั้งคิด (ซึ่งพระเอกพยายามคิดแล้วคิดอีก)
และจากนั้นพระเอกก็กลับไปคิดมากกว่าเดิม ยั้งมากกว่าเดิมเพราะกลัวเด็กน้อยของเขาไม่มีความสุขและเจ็บอีก รอบถัดไปเลยระวังมากกว่าเดิม เราชอบที่เขาเล่าตรง ๆ ถึงข้อดีข้อเสียนะคะ เหมาะกับเนื้อเรื่องที่อยู่ในวัยนี้ดีค่ะ
(ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)
>> เรื่องความรักสองคนร่วมมือกันดีค่ะ (กลัวเล่าเมื่อกี้แล้วเข้าใจผิด)
>> และคนพี่มักจะชอบโดนคนน้องรุกตระบะแตกซะเป็นส่วนมากด้วยค่ะ (55555) ชอบนายเอกตรงไปตรงแบบนี้มากกก
รู้สึกเหมือนเขียนเรียงความ 5 หน้ากระดาษ 55555
ชาแดง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น