ชีวิตของพวกผมสงบสุขจริง ๆ นะครับ
#ผู้รุกรานของผม
ผู้เขียน ชิงเซ่ออวี่อี้
ผู้แปล มู่หลินเซิน
ผู้วาด Allenkung1
สำนักพิมพ์ Freesia Book
เรื่องย่อ
หลัง อวี้หัว ตกงาน โหยวเจิ้งผิง
รู้สึกชัดเจนว่าสามีเขาเปลี่ยนไป แม้อีกฝ่ายจะยังทำอาหารเช้า ทำงานบ้าน
ส่งยิ้มอ่อนโยนกับเขาเป็นปกติ แต่กลับไม่แตะต้องเขาเลย ! นี่มันสัญญาณอันตรายอีกฝ่ายคงไม่เครียดเรื่องเงินในบ้านจนนึกจะหย่าเขา
เพราะคิดว่าตัวเองเป็นภาระใช่ไหม ! กะแค่เงินหมุนเวียนในบ้าน
เขาอยากบอกอีกฝ่ายว่าสบายมาก เงินเก็บเขามีเป็นล้าน
งานตำรวจที่สำนักแขวงน่ะก็แค่บังหน้า เขาเป็นถึงผู้พิทักษ์เชียวนะ
สามีที่รักยิ่งคนเดียวทำไมจะดูแลไม่ได้ ! ต้องหาทางดึงเงินส่วนนี้มาใช้ลดความกดดันของอวี้หัวให้ได้เลย
... แต่โหยวเจิ้งผิงเองก็คงคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสามีของเขาเองก็มีความลับไม่ธรรมดา
เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เรื่องนี้เดิมพันกับชีวิตรักอันสงบสุขของพวกเขาต่างหาก !!!
รีวิวสปอยล์ปานกลาง ผู้รุกรานของผม
พื้นที่ความเห็นแบบปลอดสปอยล์
ชีวิตของพวกผมสงบสุขจริง ๆ นะครับ
เป็นนิยายเรื่องที่สองจากสามที่เราได้อ่านของคุณนักเขียนค่ะ (เรื่องที่สามคือจอมมารก็อยากรู้เช่นกันค่ะ
ตอนนี้ออกมาหนึ่งเล่ม) ต้องบอกว่าจากเรื่องแรก เขาหาว่าผมถูกผีหลอก
ที่มีเล่มเดียวจบ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน แต่มีเสน่ห์ตรงที่มุมมองการนำเสนอแตกต่างจากนิยายปราบผีเรื่องอื่น
ไล่มาเป็นชีวิตของพวกผมสงบสุขจริง ๆ
นะครับ...เสน่ห์การเลือกเล่ามุมมองที่แตกต่างยังคงไว้เลยค่ะ ถ้าเทียบกับนิยายระบบเรื่องอื่น
ๆ พวกเราคงเหมือนตาม “ผู้รุกราน” ทะลุไปโลกต่าง ๆ แต่นิยายเรื่องนี้ เราอยู่ฝั่ง “ผู้ถูกรุกราน”
และ “ผู้รุกรานเกษียณอายุ” แทน เสริมกับปมความสัมพันธ์ของตัวเอกที่เป็นคนรักกันอยู่แล้ว
ถึงขนาดแต่งงานมาแล้วถึง 3 ปี ยิ่งจูงใจให้ติดตามพวกเขาฝ่าปมต่าง ๆ ที่ทวีความใหญ่ขึ้นเรื่อย
ๆ สนุกเลยค่ะสำหรับเรา นอกจากความรักของคู่เอก ยังมี่มิตรภาพและความทีมอีก
ใช่ทางมาก ๆ ค่ะ
แต่ถ้าถามว่าอ่านจบแล้วเรื่องนี้จริง ๆ แกนเรื่องคืออะไร
เราคิดว่าคือ “ความหมายของการมีชีวิต” ค่ะ เพราะอะไรเดี๋ยวขอเล่าตรงสปอยล์
เรามาเล่าแบบพยายามไม่สปอยล์กันก่อนดีกว่าค่ะ
โหยวเจิ้งผิงแต่งงานกับอวี้หัวมาแล้ว 3 ปี จู่ ๆ
วันหนึ่งสามีของเขาก็ตกงาน ซึ่งสำหรับโหยวเจิ้งผิงที่เบื้องหน้าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
แต่ความจริงแล้วเขาเป็น “ผู้พิทักษ์” ผู้มีพลังพิเศษที่ปกป้องโลกจาก
“ผู้รุกราน” ในระดับหัวหน้าเขต
กับการเลี้ยงสามีคนหนึ่งให้อยู่บ้านทำอาหารและทำงานบ้านเฉย ๆ นั้น เป็นเรื่องสบาย
ๆ สำหรับเขามาก ถ้าไม่ใช่ว่าด้วยตำแหน่งเบื้องหน้าของเขามีเงินเดือนน้อยนิดจนไม่รู้จะดึงเงินที่แท้จริงออกมาใช้เลี้ยงคนรักยังไงโดยความไม่แตกว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
! ขณะเดียวกันอวี้หัวอดีต “ผู้รุกราน” ฉายา “ผู้พิชิต”
กำลังปวดหัวกับพลังภายในร่างที่ถูกบังคับปลดผนึกออกจนเขาควบคุมแรงของตนเองไม่ได้
แค่เดินปกติพื้นก็ร้าว ล้างจานตอนเช้าจานก็พากันแตกเป็นเสี่ยง ๆ
แล้วแบบนี้เขาจะไปกล้าแตะต้องสามีที่รักได้ยังไงกัน ! สองสามีสามีที่ต่างมีความลับภายในจิตใจเป็นหมื่นล้านคำ
เบื้องหน้ายังพยายามทำตัวธรรมดารักษาชีวิตรักอันปกติสุขไว้สุดชีวิต
แต่เบื้องหลังต่างต้องพากันระงับเหตุของการที่ “ผู้รุกราน”
กลับมาบุกโลกหลังจากหายไปถึง 15 ปี โหยวเจิ้งผิง
ผู้พิทักษ์รุ่นใหม่ไม่ทราบสาเหตุของการรุกรานอย่างกะทันหันนี้ แต่สามีเขา อวี้หัว
ทราบดี “ระบบ” ที่เขาแย่งพลังมาจนต้องสงบเสงียมไปถึง 15 ปีได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
และการปรากฏตัวของผู้รุกรานนี้ แท้จริงคือการตามล่าตัวเขาเพื่อระบบจะได้เอาพลังกลับคืนไป
ท่ามกลางผู้รุกรานที่ปรากฏตัวคนแล้วคนเล่า คู่สามีสามีที่มีสถานะเสมือนยืนอยู่คนละฝั่งจะทำอย่างไรให้ชีวิตของพวกเขา...สงบสุขดีจริงๆ
นะ ต่อไป
คะแนน 8.5/10
ถ้าหักก็คงจะมีช่วงก่อนสู่สงครามสุดท้ายค่ะ
รู้สึกสถานการณ์ค่อนข้างยืดไปนิดนึง ทำให้ฟิลลิ่งของความเป็นศึกสุดท้าย หรือความลุ้นที่ความจริงกำลังเปิดเผยหายไปค่ะ
นี่อาจเป็นสิ่งแลกมากับการเคลียร์ปมทุกตัวละครก็ได้ค่ะ แต่ส่วนตัวแอบเสียดาย
ช่วงพีคเล่มสามจนต้นเล่มสี่เขาปูมาได้ลุ้นดีมาก ๆ แท้ ๆ ;----;
พื้นที่ความเห็นแบบสปอยล์ (อย่างละเอียด)
ชีวิตของพวกผมสงบสุขจริง ๆ นะครับ เป็นเรื่องที่เราชอบวิธีการเล่าเรื่องกับการวางและแก้ปมปัญหาของเรื่องมาก
ๆ เลยค่ะ อย่างแรกวิธีการเล่าเรื่องของคุณนักเขียนทำให้เราเห็นภาพเหมือนนั่งดูอนิเมชั่นอยู่เลยค่ะ
ซึ่งเรื่องนี้คงจะเป็นอนิเมชั่นฮีโร่ ที่เริ่มต้นด้วยคู่รักที่มีสถานะเหมือนยืนกันอยู่คนละฝั่ง
ต่างตั้งทีมของตัวเองด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ชีวิตอันสงบสุขของพวกเขาค่ะ
ฝั่งโหยวเจิ้นผิงจะเห็นพัฒนาการของทีมมากกว่า เพราะอวี้หัวแทบจะเป็นบอสลับที่ให้ความช่วยเหลืออยู่เงียบ
ๆ เลยค่ะ
ทางด้านการวางและแก้ปมปัญหา
เราประทับใจคุณนักเขียนมากกกกค่ะ รู้สึกเลยว่าคุณนักเขียนต้องทำการบ้านหาคำอธิบายเกี่ยวกับระบบ
อาณาเขต การสร้างกฎและเวลา เพื่อนำมาผสมผสานกับเรื่องราวให้ลงตัว
และพยายามจะทำให้มันเข้าใจง่ายที่สุดโดยการพยายามยกตัวอย่าง
ซึ่งเราอ่านทุกตัวอักษรค่ะ แต่ด้วยเป็นคนตกฟิสิกส์มาตลอดชีวิต ทำให้มีงง ๆ บ้าง
ไม่มากก็น้อย แต่ต่อให้งงก็ไม่เสียอรรถรสค่ะ !!! ยังตื่นเต้นกับจังหวะคุณนักเขียนที่บิ้วการเปลี่ยนแปลงพลัง หรือพัฒนาการตัวละครทุกจุดเลยค่ะ
และอย่างที่เรารู้สึกข้างต้น เรื่องนี้เป็นการเล่าให้เห็นทุกภาพรายละเอียดตอนสู้
เช่น จังหวะที่อวี้หัวโดนแย้งตัวไปจากมือโหยวเจิ้งผิง คุณนักเขียนสามารถบรรยายฉากนั้นให้เราอินเหมือนตัวละคร
ว่าช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาทีนั้น
เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันจนแต่ละตัวละครตอบโต้ยังไงกันบ้าง แบบบ ภาพการ์ตูนฮีโร่เลยค่ะ
ถ้าใครชอบอ่านแฟนตาซี สายบรรยาย บรรยากาศมิตรภาพการเป็นทีม ...คือเรื่องนี้น่าจะใช่ทางเลยค่ะ
โอเค กลับมาที่การวางปม (55555)
นอกจากการหาคำตอบทุกรายละเอียดมาให้
รวมถึงแก้ปมตัวละครให้นักอ่านรู้จนไม่ต้องคิดต่อเองเลยแล้ว เรื่องนี้ยังมีสไตล์การเล่าแบบการ์ตูนสมัยก่อนอยู่ค่ะ
นั่นก็คือ การที่กล่าวถึงปมบางอย่างก่อนให้ตัวละครขบคิด หรือตัวละครเกิดความขัดแย้งกันแล้วมีอีเว้นท์
หรือศัตรูบุก เพื่อแก้ปมนั้น ๆ เช่น เหลียนอวี่ฝานที่มองตรรกะมากกว่าสัญชาตญาณ
หากต้องปกป้องคนหนึ่งร้อยคนต่อให้แลกคนหนึ่งคนนับว่าคุ้มค่า
ขณะที่โหยวเจิ้งผิงกลับเชื่อมั่นสัญชาตญาณและมักพูดว่าเขาไม่เลือกสักอย่างแต่จะปกป้องทั้งหมดไว้ให้ได้
จากนั้น นักเขียนจะดึงคนอ่านเข้าอีเว้นท์ เพื่อพาไปหาคำตอบว่า คำพูดของโหยวเจิ้งผิง
คำทำได้หรือไม่ และฝั่งเหลียนอวี่ฝานเขาเองเลือกยังไง
เราอ่านเพลินเลยจริง ๆ ค่ะ วิธีการเล่าแบบนี้เหมือนจะทำให้เราเดาได้ว่าต่อไปอีเว้นท์ที่มาต้องแก้เรื่องนี้แน่
ๆ แต่พอคิดตามก็ตื่นเต้นค่ะ ว่าตัวละครจะทำได้ไหม พวกเขาจะให้คำตอบแบบไหน
โดยเฉพาะคำถามหลักค่ะ “ชีวิตพวกผมสงบสุขดี”
นี่เป็นความมุ่งมั่นของสองสามีสามี อวี้โหยว เป็น “ความหมายของการมีชีวิต”
ของพวกเขาค่ะ
พออ่านจบ เราพบว่าแต่ละตัวละคร
พยายามจะ “มีชีวิตอยู่” และพยายามไขว่คว้าชีวิตแบบที่พวกเขาต้องการ เป็นความหมายของการมีชีวิตอยู่ที่พวกเขาอยากจะให้เกิดขึ้นค่ะ
เราขอเล่าเป็นคนๆ ไปในเรื่องนะคะ
มีสปอยล์หนักแน่ ๆ อ่านก่อนมาเมาท์ด้วยกันจะดีกว่าค่ะ
อวี้หัว : พระเอกคนเก่งของเรา
ชายหนุ่มที่มีความอบอุ่น อ่อนโยน ชอบดูแลคนรักมาก ๆ ทำอาหารและงานบ้านเก่งเป็นที่หนึ่ง
แต่เขาเป็นคนชอบควบคุม (ยกเว้นมากก กับคนรัก) ชอบวางแผน รักหน้าตาเป็นที่สุด
ทำอะไรอ้อมค้อม อยากให้คนรักเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนไม่เป็นเวลา ก็ไม่บังคับ ไม่ว่า
แต่เลือกจะอดหลับอดนอนและทำให้คนรักเห็นว่าเขานอนไม่หลับถ้าไม่มีโหยวเจิ้งผิงนอนอยู่ข้าง
ๆ เขาเป็นคนที่ดูสมบูรณ์แบบมาก มากจนน่ากลัวและขาด “ชีวิต”
อย่างที่พวกเรารู้กันว่าอวี้หัวเป็นเพลเยอร์ที่ผ่านด่านมาแล้ว
3000 กว่าด่าน มีชีวิตอยู่มาแล้ว 2000 กว่าปี ความรู้สึกของการมีชีวิตมันชืดชาไปหมดแล้ว
ทุกอย่างที่เขาวางหลังจากผนึกพลังมายังโลกนี้ เหมือนคนที่มารอความตายมากกว่า
จนกระทั่งพบรุ้ง ... โหยวเจิ้งผิงเหมือนรุ้งหลังฟ้ามืดครึ่มจนโลกกลายเป็นสีเทาหม่น
เขาเป็นเหมือนสีสันนานาชนิดที่เข้ามาทำให้โลกสมบูรณ์แบบของอวี้หัวยุ่งเหยิงมีชีวิตชีวา
ดังนั้นความหมายของการมีชีวิตอยู่ของอวี้หัว จึงเรียบง่ายมาก แค่ขอมีชีวิตอย่างสงบสุขไปวัน
ๆ กับ “เสี่ยวโหยว” ก็พอแล้ว
เราจะรู้สึกเลยว่าอวี้หัวถ้าขาดโหยวเจิ้งผิงจริง
ๆ เขาจะเหมือนคนที่ตายด้าน เขาไม่เชื่ออะไรเลยในตัวเอง แม้แต่ประสาทรับรส
เขากินข้าวได้อร่อยก็เพราะเขามองเห็นว่าคนรักกินแล้วอร่อย ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกอร่อยเอง
เขาเป็นคนที่เก่งมากขนาดที่แม้แต่คนรัก เขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน
เพราะสำหรับอวี้หัวแล้วทุกคนอ่อนแอกว่าเขาหมด
จนกระทั่งเขาได้อยู่ข้างกายคนรักตอนปฏิบัติหน้าที่จริง ๆ เขาเริ่มมองทุกอย่างใหม่
ให้คนรักได้ปกป้อง ให้คนรักอยู่เคียงข้าง เขายอมให้ตัวเองไม่สมบูรณ์แบบเพื่อให้โหยวเจิ้งผิงเขามาทำหน้าที่เหล่านั้น
เราชอบสุดคือในตอนสุดท้ายที่โหยวเจิ้งผิงมาช่วยเขา ...ดึงเขาไปกอดแล้วอวี้หัวฟังเสียงหัวใจโหยวเจิ้งผิงแล้วบอกว่า
นี่แหละคือชีวิต เรารู้สึกดีใจจริง ๆ ที่เขาได้แต่งงานกับคนคนนี้ ;----;
โหยวเจิ้งผิง : เรารู้สึกว่าด้วยชีวิตช่วงแรกของการเป็นผู้พิทักษ์
โหยวเจิ้งผิงยังไม่เคยทำงานจริง เขาเลยใช้ชีวิตสงบสุขกับอวี้หัวแบบสบายกายสบายใจมาโดยตลอด
นั่นทำให้เมื่อเกิดเรื่องขึ้น โหยวเจิ้งผิงจึงหวงแหนวันเวลาของชีวิต “สงบสุข”อย่างมาก
ยิ่งตอนเขารู้ความลับของอวี้หัว เขายิ่งพยายามทวงวันเวลาธรรมดา ๆ
ให้กลับมาได้มากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ และเขาเลือกที่จะไม่ทิ้งจุดยืนตัวเอง
ไม่ว่าจะในฐานะคนรักหรือผู้พิทักษ์ แล้วปล่อยให้อวี้หัวเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ
เพียงคนเดียว ใน “ชีวิตสงบสุขเหมือนทุก ๆ วัน” ของโหยวเจิ้งผิง ยังไงก็ต้องมีอวี้หัวอยู่ในนั้น
ความหมายในการมีชีวิตของเขาก็แทบจะเป็นการปกป้องวันเวลาสงบสุขที่คนรักต้องการก็ว่าได้
โหยวเจิ้งผิงเป็นตัวละครที่พัฒนาการเยอะคนหนึ่งและส่งผลไปยังตัวละครอื่น
ๆ ถ้าเป็นแนวฮีโร่ เขาคือพระเอก คือหัวหน้าที่รวมแก๊งไปปราบบอส โดยมีคนรักเป็นบอสลับคอยช่วยสนับสนุนอยู่ลับ
ๆ ถ้าถามเราว่าในที่อ่านจบมาใครดูเป็นพระเอกมากสุด ก็คือโหยวเจิ้งผิง นักเขียนสร้างเขาขึ้นมาให้มีทัศนคติของการ
“ปกป้อง” สูงมาก ทั้งกับโลก ผู้คนและคนรัก เขาเหมือนคนไม่ประมาณตัวเองที่คิดจะปกป้องทุกอย่างไว้ทั้งหมด
แต่เขาก็ทลายขีดจำกัดตัวเองเพื่อทำตามปณิธานนั้นจนสำเร็จ
เราอ่านแล้วเชียร์และตื่นเต้นเสมอเวลาโหยวเจิ้งผิงค้นพบพลังใหม่ ๆ เลยค่ะ
และประทับใจความคลั่งรักของเขาที่มีให้อวี้หัวจริง ๆ ยอมใจเลยย
เจิ้นหลี : ในบรรดาตัวละครทั้งหมด
เรารักเจิ้นหลีที่สุด ถ้าได้อ่านเราเล่าตั้งแต่สองเล่มแรก เราหวีดเจิ้นหลีบ่อยมาก
ๆ (หวีดจับคู่ 55555) เจิ้นหลี เป็นตัวละครที่ใสซื่อ ไม่มีนอกมีใน เหมือนเป็นแรงงานทาสของอวี้หัว
แต่ตัวละครที่ธรรมดาที่สุดเนี่ยแหละค่ะ ที่โดดเด่นเรื่องการใช้ชีวิตที่สุด
สิ่งที่เขาต้องการมาตลอด คือ อิสระ เขาต้องการอิสระที่จะกิน
อิสระที่จะแต่งตัว อิสระที่ต้องการใช้ชีวิต จุดมุ่งหมายของเขาขอแค่นี้เลยค่ะ
ตัวละครตัวนี้ มีอิทธิพลกับอวี้หัวมาก
จะเห็นได้ว่าเล่มสองกับเล่มสาม เจิ้นหลี เป็นตัวละครที่อวี้หัวเลือกจะเปิดใจคุยและขอความคิดเห็นกับอีกฝ่ายบ่อย
ๆ เจิ้นหลีเป็นตัวละครที่ปกติและมีความเห็นอกเห็นใจสูงมาก เขามอบแนวคิดการมีชีวิตของคนธรรมดาให้อวี้หัวและการพยายามใช้ชีวิตของเขาก็ทำให้เฉินเซียวเปิดใจคอยตามดูแล
รวมถึงทำให้ตัวละครอื่นใจเย็นลงและเปลี่ยนมุมมองต่อเพลเยอร์ เรียกว่า เป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องเลยค่ะ
ฉากที่เราชอบที่สุดของเขาก็คือสองฉากที่เขาได้คุยกับอวี้หัวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเนี่ยแหละค่ะ
หลังจากนี้ก็หวังว่าเขาจะได้เป็น ไอดอล ได้แต่งตัวอย่างที่ชอบเยอะ ๆ มีอิสระทางการเงินพอซื้อตู้เสื้อผ้าใหญ่
ๆ เป็นของตัวเองค่ะ
เหลียนอวี่ฝาน : บรรดาตัวละครผู้พิทักษ์
เหลี่ยนอวี่ฝาน เป็นคนมีปมหนักที่สุดคนหนึ่งเลยค่ะ การใช้ชีวิตที่เขาอยากได้มาตลอด
คือการกลับไปยังครอบครัวอบอุ่นในอดีต กว่าครึ่งชีวิตที่ผ่านมาของเขาคือ “ต้องการอดีตคืนมา”
เหลี่ยนอวี่ฝาน เป็นคนที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับโครงการ ต้นกำเนิดในวัยเด็ก
พลังพิเศษของเขาตื่นช้าเกินไป แม่ของเขาที่ถูกกดดันว่าพ่อจะต้องไปมีใครคนอื่นจึงเครียดมาก
แต่พ่อของเขาเองก็ไม่ยอม จนกระทั่งเสียไปในสนามรบกับเพลเยอร์ พลังของเหลียนอวี่ฝานถึงตื่น
... แต่มันไม่ทันแล้ว แม่ของเขาเจ็บปวดมาก และเลือกที่จะลืมทุกอย่าง
เขาคิดมาตลอดว่าแม่ของเขาโดนบังคับเอาความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับพ่อและตัวเขาไป
จนกระทั่งได้ปฏิบัติภารกิจกับลั่วหวายพร้อมกับโหยวเจิ้งผิงและเฉินเซียว
เขาถึงได้รู้ว่า ลั่วหวายจะดึงความทรงจำใครต่อใครออกมาได้ ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายยินยอมเท่านั้น
ปมในใจตรงนี้ถูกแก้ระหว่างทางมาตลอด ตัวละครตัวนี้แรก ๆ เราไม่ชอบเลยค่ะ จนกระทั่งเห็นเขาคิดยังไงก็ทำแบบนั้นจริง
ๆ เราเลยเริ่มประทับใจ ยิ่งเห็นพัฒนาการของเขาจนมาร่วมทีมกับเดอะแก๊งอย่างดี
ยิ่งชอบมากเรื่อย ๆ สุดท้าย ตัวละครนี้ก็หลุดพ้นจากอดีตและได้เป้าหมายในชีวิตครั้งใหม่
“มีชีวิตเพื่ออนาคตของตัวเอง”
ลั่วหวาย : พูดถึงเหลียนอวี่ฝานแล้วก็ต้องต่อด้วยคนนี้
เขามีบทบาทไม่เท่าเหลียนอวี่ฝาน แต่ก็เป็นตัวละครสำคัญตัวหนึ่งที่ได้เปลี่ยนแปลงไป
เพราะพบกับหยวนลั่วรื่อและจวินจวิน เขาเหมือนได้ปลดล็อกอะไรบางอย่างกับตัวเอง จนสามารถยื้อความรู้สึกต้องอยู่ต่อไปกระทั่งถึงตอนที่สูญเสียพลัง
พลังของลั่วหวายคือ
การเก็บรักษาความทรงจำของคนอื่น ผลจากพลังนี้ทำให้เขาเป็นซึมเศร้าได้ง่าย
เมื่อยิ่งแบกความทรงจำมากขึ้น นอกจากนี้ผู้คนธรรมดายังไม่สามารถจดจำใบหน้าเขาได้
ดังนั้น ความหมายของการมีชีวิตของเขา คือการที่ตัวเอง “เป็นคนธรรมดา” เขาเป็นคนที่อยากสูญเสียพลังมากกว่าใคร
ๆ ตอนท้ายที่ได้รู้ว่า เขาดีใจทุกครั้งที่มีคนชมว่าเขาหล่อ เราแบบจึ้กใจจริง ๆ
เพราะไม่เคยมีใครจดจำเขาได้ การที่มีคนชมเขาหมายความว่าอีกฝ่ายเห็นใบหน้าเขาแล้ว
มันทำให้เรารู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ กับตัวเขาในอดีตและดีใจจริง ๆ ที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาคนหนึ่งตามต้องการ
หวนจื่อซวีกับเฟิงขุย : สองคนนี้ต้องมาเป็นคู่
เพราะความหมายของชีวิตของพวกเขา เรามองว่าคือการ “มีชีวิตอยู่ร่วมกัน”
เพราะการเป็นเพลเยอร์มีบททดสอบหลายด่าน ที่พยายามบังคับให้พวกเขาทั้งคู่ต้องทรยศกัน
หรือกำจัดกันทิ้ง ซึ้งพวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนอะไรไปเยอะมาก เพื่อที่จะรักษากันและกันเอาไว้
โดยที่พวกเขาต่างก็รู้ว่า ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไปพวกเขาจะอยู่ไม่ได้
หวนจื่อซวีมองว่าตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์
เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่คนดี เขาต้องมีเฟิงขุยคอยฉุดเขากลับมา ขณะเดียวกันเขาปล่อยเฟิงขุยอยู่คนเดียวไม่ได้
เพราะความไม่ทันคนของอีกฝ่ายทำให้เขากังวลว่าจะอยู่ในสังคมไม่รอด
เฟิงขุยต้องมีเขาดูแล !
เฟิงขุยจะรู้สึกว่าอาซวีของเขาเป็นคนดี
เขาอยู่เคียงข้างอีกฝ่าย เพราะอยากคอยปกป้องดูแล ไม่ให้ใครทำร้ายได้
ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าในสังคมการใช้ชีวิต เขาต้องให้หวนจื่อซวีคอยช่วย
จึงมีหลายครั้งเขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะเป็นตัวถ่วง ซึ่งสำหรับหวนจื่อซวี
ที่เคยมองว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงเฟิงขุยตอนเป็นเพลเยอร์ไม่มีทางทิ้งเขาเด็ดขาดเหมือนกัน
ดังนั้นเฟิงขุยจึงยังไงก็ได้ ขอแค่ได้อยู่กับอาซวีของเขาก็พอ ... เป็นตัวละครที่น่ารักมากคนหนึ่งเลยค่ะ
สำหรับตัวละครเด่นอย่างเฉินเซียวและหยวนลั่วรื่อ
มีบทบาทค่อนข้างมากในการสมทบ ความหมายชีวิตของคนอื่น ๆ ตัวพวกเขาเองก็ได้พบเส้นทางใหม่เช่นกันค่ะ
อย่างลั่วรื่อคงอยากเป็นนักกฎหมาย เฉินเซียวคงเป็นการลดความอ้วน (แซวค่ะคนนี้ เขาทนไม่ได้ที่เจิ้นหลีจำตัวเองไม่ได้ตอนคอลคุยกัน
5555) และผู้จัดการฮัส ก็ได้ใช้ชีวิตเป็นฮัสกี้สุดฉลาดของจวินจวินต่อไป ...
อ่านจบแล้ว ชีวิตพวกเขาสงบสุขมากเลยค่ะ ปิดฉากเหมือนหนัง ตอนพิเศษคือเอ็นเครดิต ถ้าสักวันหนึ่งโลกกลับมามีภัย
พวกเขาก็จะได้รับพลังจาก “โลก” และทำการพิทักษ์อีกครั้ง ...ประมาณนั้นเลยค่ะ
อ่านแล้วเราแฮปปี้มาก
ๆ เพลินสุด ๆ อยากหวีดตอนโหยวเจิ้งผิงท่องเวลาย้อนไปตอนอวี้หัวเป็นเพลเยอร์ แต่กลัวจะยาว
ใครอ่านแล้วมาหวีดฉากด้วยกันได้นะคะ ท่อนนี้เป็นอีเว้นท์ที่เราชอบที่สุดเลยค่ะ
น้ำตาซึมด้วย TT
ชาแดง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น