วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

รีวิว สามีผมกำลังจะตาย (#สามีป่วย) เล่ม 1-2 (ฉากประทับใจ)

 


    

    >> รีวิว สามีผมกำลังจะตาย 

   >> ฉากประทับใจของเรา มันเยอะมากจริง ๆ ค่ะ งง ๆ ว่าชอบอะไรเยอะแยะขนาดนี้ ต้องแยกออกมาจริง ๆ ค่ะ เหมือนบันทึกความประทับใจไว้

               :

                “คราวหน้าถ้าคุณมีธุระจะมาหาผมช่วยบอกผมล่วงหน้าหน่อยได้ไหม หลังจากนี้ผมคงจะยุ่งมาก ถ้าคุณมาหาผมกระทันหันเหมือนสองครั้งที่แล้ว ผมคงไม่มีเวลาออกมาเจอคุณ”

            “ถ้านายกล้าไม่มาเจอฉันก็ลองดู โจวเหมี่ยว ออกรถ!

            หลังรถแล่นไปไม่ถึงนาทีก็ถอยกลับมา

            “ฉันเห็นศิลปินคนอื่นมีผู้ช่วย แต่นายกลับไม่มีใครเลย เหมือนอะไรก็ไม่รู้! อู๋สุ่ย ต่อไปนายติดตามเซี่ยหยาง”

            แล้วรถก็ขับออกไปอีกครั้ง

 

        คนเขาซึนเสมอต้นเสมอปลายนะคะ

 

                มีผู้ช่วยสักคนสะดวกขึ้นเยอะจริง ๆระหว่างพูดก็ตบเบาะรถไปด้วย “เอารถมาจากไหนน่ะ”

“ประธานฉิวให้คุณยืมครับ โรงรถเต็มแล้ว เขาต้องการที่ว่างเลยให้ผมขับรถคันนี้มาหาคุณ เขาบอกว่ารถคันนี้ชำรุดทรุดโทรมที่สุดในบรรดารถทั้งหมดในโรงรถ เหมาะกับคุณมากที่สุดแล้วครับ”

...

            เซี่ยหยางหลุดหัวเราะไม่มีเสียง เอาโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาฉิวสิง : ขอบคุณ

            ...

            เซี่ยหยางเลือกเพิ่มเพื่อน อีกฝั่งกดอนุมัติรวดเร็ว เขารีบโอนเงินหนึ่งหยวนไปให้ พร้อมทั้งใส่หมายเหตุเอาไว้ว่า : ค่าเช่ารถ

            ฉิวสิงได้รับเงิน โมโหจนกดบล็อกเซี่ยหยาง

            เซี่ยหยางกดเพิ่มเพื่อนอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉิวสิงไม่ยอมกดอนุมัติแล้ว

            เซี่ยหยางวางโทรศัพท์ คุยกับอู๋สุ่ยแทน

            “เจ้านายของนายนี่น่ารักชะมัด”

 

        มีคนเริ่มเห็นความน่ารักของคุณฉิว 55555

 

เซี่ยหยางไม่ได้พูดอะไร เพียงใช้นิ้วคนอาหารปลาอีกครั้ง แล้วจู่ ๆ ก็ยกนิ้วขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากแล้วแลบลิ้นเลียเบา ๆ ฉิวสิงถึงกับชะงักค้าง ยืดตัวตรง ดึงมือของเขาเอาไว้

“ทำอะไรของนายน่ะ !

“แค่รำลึกถึงอดีตอันขมขื่นก็เท่านั้น”

 

        ในวันสิ้นโลกเซี่ยหยางต้องกินแม้แต่อาหารปลาแน่ ๆ ;--;

 

                ฉิวสิงปิดฝาโน๊ตบุ๊คลง คิ้วขมวดเข้าหากันยามมองอาหารปลาที่อยู่ตรงหน้า ...เขาค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบอาหารปลาขึ้นมาจรดริมฝีปาก

            เหอจวินรีบก้าวออกมข้างหน้า “บอสครับอย่า...”

            ฉิวสิงหลับตาลงขณะเอาอาหารปลาเข้าปาก ชะงักนิ่งอยู่สองวินาทีก่อนจะหันหน้าส่งเสียงถุยออกมาหลายครั้ง...

“ของนี่มันอร่อยตรงไหน รำลึกอดีตอันขมขื่น...คนปกติที่ไหนจะกินอะไรแบบนี้ ตระกูลเซี่ยจนขนาดนั้นเลยหรือไง ลูกชายกินอาหารปลาเนี่ยนะ”

            ยิ่งคิดฉิวสิงยิ่งโมโห เปิดโน๊ตบุ๊คดูกล้องวงจรปิดเป็นภาพเซี่ยหยางกำลังปรึกษากับหูเปียว ขณะปลายนิ้วเคาะโต๊ะรัว ๆ ปากก็ออกคำสั่ง

“ให้ผู้จัดการซื่อจี้ส่งของกินเข้าไปให้พวกเขาด้วย อะไรอร่อยสั่งให้หมด ให้คนบ้านนอกคอกนาที่กินอาหารปลานี่เปิดประสบการณ์ซะบ้าง !

...

                เซี่ยหยางมองกล้องวงจรปิดอยู่ภายในห้องรับแขกเงียบ ๆ รับอาหารวางไว้ และบอกให้ผู้จัดการกลับออกไป ก่อนเอาโทรศัพท์มากดส่งอั่งเปาไปให้ฉิวสิงหนึ่งหยวน หมายเหตุ : อย่าแอบดู อย่าแอบฟัง

ปัง!

ฉิวสิงคว่ำโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

 

        55555 มีความลองกินตาม แล้วชอบความรู้ทันกันมากจริง ๆ

  

“เก่งมากนักไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงทำหน้าโง่ ๆ แบบนั้นออกมาได้ ทำไมถึงต้องยอมให้คนอื่นรังแกขนาดนี้...ก่อนหน้านี้นายเชี่ยวชาญการพึ่งพาคนอื่นไม่ใช่เหรอ ทำไมคราวนี้ถึงได้เงียบไป!

            หลังความโมโหผ่านไป เขายกมือขึ้นกดศีรษะที่เริ่มวิงเวียน จู่ ๆ ก็หัวเราะเยาะตัวเอง ก่อนทิ้งตัวจมลงไปในโซฟานุ่ม ผ่อนลมหายใจ หลับตา

“ฉันไม่ได้มีแรงมากขนาดนั้น...ถ้าไม่ขอร้องฉัน ฉันก็ไม่ช่วยนาย”

            เขาพึมพำในลำคอ ปล่อยโทรศัพท์ลื่นไหลลงไปบนพรม

 

        คุณฉิวที่ปากบอกไม่สนใจ แต่จริงถือโทรศัพท์ไว้ รอช่วยน้องตลอดเวลา (แต่ต้องขอร้องก่อนนะ...)

 

“ผมจะไปแต่งหน้า แต่งตัว เตรียมทำการแสดงคืนนี้แล้ว”

“งั้นเหรอ พยายามเข้าล่ะ”

ทันใดนั้น เซี่ยหยางก็ทิ้งตัวลงนั่งยอง ๆ

            นิ้วมือฉิวสิงชะงักไปชั่วครู่ เงยหน้ามองเซี่ยหยางสีหน้าราบเรียบ

“อะไร”

“ไปดูการแสดงเถอะ พวกเคอหลานมีเพื่อนกับครอบครัวมาให้กำลังใจแต่ผมไม่มีเลย ในเมืองนี่ นอกจากเพื่อนร่วมวงกับผู้จัดการแล้ว ผมก็รู้จักและสนิทกับคุณแค่คนเดียว เพราะงั้นคุณไปดูผมแสดงเถอะนะ”

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ไปล่ะ”

“งั้นผมต้องขอร้องคุณ” เซี่ยหยางยิ้มบาง “ฉิวสิง ผมขอร้อง ไปดูการแสดงผมนะ”

            ประตูใหญ่เปิดออกและปิดลง เซี่ยหยางออกจากบ้านไปแล้ว

            ฉิวสิงวางโทรศัพท์ลง จนผ่านไปพักใหญ่ถึงได้ขมวดคิ้วและพูดด้วยความโมโห

“ท่าทางไม่เหมือนกำลังขอร้องอยู่เลยสักนิด ท่าทางบ้าบออะไรกัน...หลิ่วซา!

 

        ค่ะไม่อยากไปสักนิด เจ้าตัวไม่เห็นเหมือนขอร้องเลย ... หลิ่วซาเตรียมตัวเร็ว เดี๋ยวไปเชียร์เด็กนั่นไม่ทัน ! (ยังไงนะคะ 55555)

 

                หลังเซี่ยหยางขึ้นรถแล้ว ฉิวสิงมองอีกฝ่ายเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งท่าทางเหมือนอยากถาม แต่อดทนไว้

            เซี่ยหยางสั่งสอนเฟิงชิงหลินแต่กลับกลายเป็นโมโหกลับออกมาทนไม่ไหวแล้ว

“คุณรู้ไหมว่ามีประโยคหนึ่งว่าไว้ แม่ตามใจลูกมากเกินไปจะทำให้ลูกเห็นแก่ตัว...” ฉิวสิงตัวแข็งทื่อ เบือนสายตาไปนอกหน้าต่าง

“ฉันไม่ได้ตามใจเขา”

“ผู้ปกครองที่ตามใจลูกของตัวเองก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้น”

 

ความจริงคุณฉิวตามใจคนสำคัญเก่งมากจริง ๆ แอบสังเกตตั้งแต่เริ่มเปย์โน้นนี่ให้เซี่ยหยาง ไหนยังรอให้อีกฝ่ายขอร้องโน่นนี่ จะได้ทำให้ได้อีก คือถ้าเซี่ยหยางไม่บอกว่าอยากเดินเองตั้งแต่แรก คุณฉิวน่าจะพร้อมอุ้มเดินน่ะค่ะ

 

เซี่ยหยาง : มีคนชมว่าวันนี้ผมแต่งตัวหล่อด้วยแหละ

ผ่านไปพักใหญ่กว่าฉิวสิงจะตอบกลับมา : อย่าไปเชื่อ พวกเขาโกหกนาย

“...” ก็ได้

 

        ...จ๊ะ ต้องยอมคุณเขานะคะ อย่าไปเชื่อคนแปลกหน้า ... แต่เสื้อน่ะ ได้ข่าวว่าสักตัดให้ด้วยตัวเอง // ปิดปากยิ้ม//

 

“นายบอกว่าจะยืนข้างฉัน สองวันมานี้ฉันกำลังคิดอยู่ว่า...นายโกหกฉันหรือเปล่า” เขาวางแก้วลงแล้วเงยหน้ามองเซี่ยหยาง

“นายกำลังหลอกฉันหรือเปล่า”

“ผมไม่ได้หลอกคุณ”

“ถ้าอย่างนั้นนอกจากฉัน นายก็ไม่มีคนอื่นให้พึ่งแล้วใช่ไหม”

“เปล่าเลย ผมพึ่งพาตัวเองได้” ไม่คิดว่าสีหน้าฉิวสิงจะดีขึ้น “ไปนอนเถอะ ฉันไม่ทำนายตื่นแล้วล่ะ”

            พูดจบก็วางมือลงบนศีรษะเซี่ยหยางเบา ๆ ก่อนหมุนตัวจากไป

            ผู้ชายคนนี้ อ่อนโยนก็เป็นด้วย หายากจริง ๆ

นี่น่าจะเป็นจังหวะอ่อนไหวแรกของคุณฉิว เขาไม่ได้อยากให้น้องพึ่งพาตัวเองขนาดนั้น เพราะเขากลัวตัวเองจะอยู่ปกป้องไม่ได้ ดังนั้นคำตอบที่น้องบอกว่ายืนเองได้ แม้ไม่มีคุณฉิว เขาถึงพอใจมาก ... แถมเตรียมทางหนีทีไล่ให้ด้วย Y^Y

 

“ไม่ต้องโมโห ผมช่วยด่าเขาให้แล้ว”

ฉิวสิงลืมตาขึ้น

“ผมช่วยสั่งสอนหลานชายของคุณ มีรางวัลให้ผมไหม”

ฉิวสิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหัวเราะออกมา หัวเราะไปหัวเราะมาสีหน้าก็อ่อนลง

“ถ้าชิงหลินฉลาดได้สักครึ่งของนาย...”

เซี่ยหยางอาศัยจังหวะนี้เสนอทันที

“งั้นหย่าไหม รับผมเป็นหลานชายคุณตอนนี้ยังทันอยู่นะ”

ฉิวสิงถึงกับชะงัก หันมองเซี่ยหยางด้วยสายตาเย็นชา ทว่าจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา แต่เป็นการหัวเราะที่ดูอึมครึมเอามาก ๆ

“ฉันว่าช่วงนี้ฉันคงตามใจนายมากไป...!

 

ไม่อยากหย่าก็พูดตรง ๆ ค่า ไม่อยากเป็นญาติ อยากเป็นคนรักก็บอกมาเลยคุณฉิววว

*** จบเล่ม 1 ***

 

“ตัดอินเทอร์เน็ตตัดไฟไม่ค่อยดีเท่าไร ทำอะไรไม่สะดวก แต่อาสิงทำแบบนี้เพราะหวังดีกับเธอ หนุ่มสาวอดหลับอดนอนบ่อย ๆ ไม่ได้” คิดไม่ถึงว่าคุณนายฉิวจะหัวเราะ หลังจากปลอบเซี่ยหยางประโยคหนึ่งแล้วจึงตบไหล่ฉิวสิง

“อย่าโหดนัก” ฉิวสิงนิ่งไปก่อนดึงสายตาเย็นชาเป็นน้ำแข็งที่มองเซี่ยหยางกลับมา

“ไม่โหดครับ”

ปากร้ายกับทุกคน แต่อ่อนโยนกับแม่ที่สุด คุณฉิวดูแลทุกอย่างเองหมดเวลามาเยี่ยม ชอบฉากตัดเล็บให้แม่อีกฉากด้วยค่ะ น่ารัก

 

“ฉันรับปากแม่แล้วว่าปีนี้จะมาฉลองปีใหม่ด้วย...นายจะมาที่นี่กับฉันหรือกลับตระกูลเซี่ย”

เซี่ยหยางตอบแบบไม่ลังเล “มาที่นี่ครับ” เมื่อได้ยินคำตอบ ฉิวสิงถึงหันไปมองเซี่ยหยางอย่างอารมณ์ดี ทว่าน้ำเสียงที่เอ่ยต่อมากลับแฝงการตักเตือน

“มาน่ะได้ แต่ห้ามฟ้องอะไรแม่อีก”

“นั่นน่ะไม่ใช่ฟ้อง เรียกว่าบอกเล่าและขอร้องแบบสมเหตุผลต่างหาก”

ฉิวสิงแค่นหัวเราะ “เถียงข้าง ๆ คู ๆ”

 

แอบขำคุณฉิว อยากให้น้องมาด้วย แต่ก็ไม่อยากให้น้องเอาโน่นนี่ไปฟ้องแม่ รู้ตัวว่าแม่เข้าข้างเซี่ยหยาง ตัวเองจะโดนดุแทน 55555

 

เขาฝืนลุกขึ้นนั่ง ดึงเข็มน้ำเกลือที่หลังมือออก ลงจากเตียงเท้าเปล่า ก่อนเดินไปที่หน้าประตูห้อง

จะให้มู่โจวอี้สัมผัสฉิวสิงไม่ได้

...ถ้าอ้างอิงจากนิยายแล้วอาการป่วยของฉิวสิงกำเริบรุนแรงขึ้น หลังจากไปมาหาสู่นางเอกบ่อย ๆ

จะปล่อยให้ฉิวสิง...

“ขอโทษนะคะ...แต่ว่านี่เป็นประวัติตัวละครที่ผู้กำกับสวีฝากมาให้เซี่ยหยาง คุณฉิว คุณดูนี่สิคะ...”

“เอามาให้ผมแล้วกัน”

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือฉิวสิงที่กำลังยื่นมือออกไปหาโจวอี้

เซี่ยหยางไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เขาฝืนใช้ร่างกายออกปวกเปียกของตัวเองวิ่งไปที่หน้าประตู ออกแรงดึงมือฉิวสิงที่กำลังยื่นออกไปหามู่โจวอี้ ...ใช้ร่างกายบังฉิวสิงไว้จนมิด

“ใครให้คุณมา”

“คุณชอบเฟิงชิงหลินไม่ใช่เหรอ คุณก็ควรโฟกัสความสนใจที่ตัวเขา อย่ามาแตะต้องคนของผม ออกไป !

 

เซี่ยหยางน่าจะรู้ตัวตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับฉิวสิง เพราะตั้งแต่นางเอกนิยายเริ่มเข้ามาในวงชีวิต เขาก็กังวลเสมอว่าจะปกป้องฉิวสิงจากพลังนางเอกยังไง ชอบฉากนี้มากเลยค่ะ ป่วยจนร่างไม่ไหวก็ยังลุกมา

 

        “ผมดีใจมากที่ตื่นมาเจอคุณเป็นคนแรก ฉิวสิง นี่เป็นแค่อุบัติเหตุ ผมรับรองว่าจะแข็งแรงอยู่ถึงร้อยมีเลย”

        “ขอบคุณครับ”

       “อีกอย่าง คุณเองก็จะอายุยืนร้อยปีเหมือนกัน”

 

อาจจะเพราะเซี่ยหยางมาจากวันสิ้นโลก เขาเลยมีความหวังเสมอในการต่อสู้ให้มีชีวิตรอด แม้จะมีความหวังเพียงนิดเดียว เขาเลยพยายามบอกฉิวสิงซ้ำ ๆ ว่าคุณจะมีชีวิตยืนยาว และระหว่างเขาที่อยากให้ฉิวสิงอยู่กับญาติที่อยากให้ฉิวสิงตาย น้องไม่อยากให้ฉิวสิงแคร์คนพวกนั้นอีก อยากให้เขาให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองเป็นหลัก ;---;

 

        เซี่ยหยางยอมทำตามอย่างว่าง่าย

       ฉิวสิงหยิบไดร์เป่าผม ระหว่างที่เซี่ยหยางแปรงฟัน เขาก็ยืนเป่าผมให้เซี่ยหยางจากด้านหลัง ท่าทางอ่อนโยนอย่างเหนือความคาดหมาย

       เซี่ยหยางส่งยิ้มให้ฉิวสิงผ่านกระจก

      “ยิ้มอะไร ไข้ขึ้นจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง” เซี่ยหยางส่ายหน้า แปรงฟันต่อ...

 

    เป็นฉากที่น่ารักมาก คบกันจริงจังเมื่อไร เห็นเงาพ่อบ้านใจกล้าแล้วหนึ่ง

 

                ในช่วงวันสิ้นโลก เซี่ยหยางเคยอยู่กับจิตแพทย์คนหนึ่งมาพักใหญ่...เขาเคยบอกว่าหลังจากคนเราผ่านอันตรายสุดขีดมาแล้วจะยึดติดกับความหวังดีแรกที่ได้รับ

            ความหวังดีแรก

            เซี่ยหยางยิ้มบาง ๆ ...

            ไม่หรอก เขาไม่ได้ยึดติดกับความหวังดีแรกอะไรทั้งนั้น

            เขายื่นมือออกไปหาฉิวสิง แตะที่ระหว่างคิ้วของชายหนุ่มเบา ๆ

            สิ่งที่เขายึดติดคือน้ำตาลกระปุกใหญ่ต่างหาก

“ชีวิตใหม่น่าเบื่อเกินไป”

“ถึงผมจะยืนด้วยตัวเองได้ แต่ความรู้สึกที่ได้มีที่พึ่งพิงก็ไม่ได้แย่ ดังนั้นพยายามมีชีวิตต่อไปเถอะนะ”

เซี่ยหยางยึดมั่นมากจริง ๆ เขาอยากให้คุณฉิวสู้ เรารู้สึกทีมเขามาก ๆ เพราะการพยายามยืนหยัดให้ใครสักคนลุกมาสู้ไปกับตัวเอง เพื่อฝ่าฟันอุปสรรค ใช้แรงใจเยอะมากจริง ๆ ค่ะ แล้ว น้องไม่เคยท้อ หรือโทษ ฉิวสิงเลย น้องเซี่ยแบบ ...TT

               

ฉิวสิงชะงักไปเมื่อเห็นสีหน้าเซี่ยหยาง จู่ ๆ ก็เอาผ้าพันคอขึ้นมาพันหน้าทั้งหมดของเซี่ยหยางไว้แล้วถาม

“โกรธเหรอ” ...

“ฉันเอาของขวัญมาให้นายด้วย...เข้าบ้านก่อนเถอะ” ในที่สุดเซี่ยหยางก็ยอมขยับตัว ...

“ผมจะผ่อนผันให้ถ้าคุณสารภาพ จะเข้มงวดถ้าคุณต่อต้านปฏิเสธ และจะหย่าขาดถ้าคุณโกหก”

“นายจะแกล้งทำเป็นอ่อนโยนสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง” เซี่ยหยางส่งเสียงเยาะหยันออกมาจากลำคอด้วยความโมโห

 

เห็นเงาพ่อบ้านใจกล้าแล้วจริง ๆ ... ตอนนี้เท่าที่อ่านจบเล่มสองน้องอยู่มาตรการที่สองแล้วนะคะ ...จะเข้มงวดถ้าคุณต่อต้าน ... หวังว่าคุณฉิวจะไม่เดินไปจนถึงข้อสาม ...ไม่หรอกจริง ๆ  

 

        จู่ ๆ ฉินเฉิงก็ถามว่า : คุณกับคุณฉิวดีกันแล้วเหรอ

       เซี่ยหยางทบทวน ก่อนพิมพ์ตอบ

       เซี่ยหยาง : เปล่าครับ

       เซี่ยหยาง : แต่เขากลับบ้านแล้ว

 

                เห็นนิ่ง ๆ เก็บอารมณ์เก่ง เหมือนไม่สนใจ แต่เซี่ยหยางรักของเขามากจริง ๆ ค่ะ ฉินเฉิงคือสังเกตเก่งมากกก

 

        หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉิวสิงก็เดินออกมานั่งข้าง ๆ เขา

        เซี่ยหยางเอ่ยถามทั้งที่ตายังมองโทรศัพท์ “คุยกันเสร็จแล้วเหรอครับ”

ฉิวสิงไม่ได้ตอบคำถาม สายตาว่างเปล่าเหม่อมองไร้จุดหมายอยู่นานมากกว่าจะหันมารั้งเซี่ยหยางเข้าไปในอ้อมแขน เอาคางเกยถูไถเส้นผมของเขา ก่อนหลับตาผ่อนจังหวะหายใจราวกับคนที่หลุดพ้นจากความทุกข์

 

ชอบฉากนี้มาก เหมือนวงกลมความสัมพันธ์กระชับมาถึงระดับพึ่งพิงและพึ่งพากันและกันไปแล้วค่ะ

 

“แต่ผมกลับคิดว่าเขาเรียกถูกแล้ว” เซี่ยหยางดึงมือออกแล้วตบหลังมืออีกฝ่ายเบา ๆ

...

“ถึงยังงความสัมพันธ์ของเราก็ยังเป็นความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ไม่ชัดเจนอยู่”

“...”

“ฉิวสิง ผมรออยู่”

ชายหนุ่มนิ่งไป ก่อนหลุบตาลง หลบตาเขาเงียบ ๆ

               

สำหรับคนป่วยเป็นโรคร้าย เข้าใจในมุมตัวละครคุณฉิวว่าเขาลำบากใจและทุกข์ใจแค่ไหนที่จะตัดสินใจเอื้อมมือออกจากความกลัวของคำว่า เวลามีจำกัดออกไปหาเซี่ยหยางที่ยื่นมือพร้อมหัวใจมาให้ ที่เราโกรธไม่ใช่คุณฉิว เหมือนเซี่ยหยางที่เข้าใจมาก ๆ และเลือกที่จะยืนรอในจุดยืนตัวเองอย่างมุ่งมั่น ...ที่น่าโกรธคือญาติเหล่านั้น ที่ทำตัวได้ ...น่าตีนัก (เซี่ยหยางจัดการเลยยยย)

 

ฉิวสิงขมวดคิ้ว พยายามดึงมือกลับ “เซี่ยหยาง”

“ฉิวสิง คุณไม่อยากใช้เวลาสี่ปีนี้สู้เพื่อชีวิตที่ยาวนานขึ้นเลยเหรอ”

ฉิวสิงที่ดึงมือกลับถึงกับหยุดชะงัก

...

“ผมปฏิเสธข้อตกลงของคุณ” เซี่ยหยางดึงสายตากลับมา ผลักประตูรถออกกว้าง

“ผมในตอนตรุษจีนไม่ใช่สิ่งที่เอาผลประโยชน์มาแลกได้ ถ้าคุณต้องการจริง ๆ ก็เอาคุณที่มีคำมั่นสัญญาที่ผมต้องการและความกล้าที่จะอยากมีชีวิตอยู่มาแลก”

               

                เรา ... เราเอาใจช่วย จริง ๆ นะ เราชอบเซี่ยหยางมาก ที่พูดตรง ๆ เสมอว่ารู้สึกยังไง คิดยังไง และชอบที่เขายืนยันเสมอว่าพร้อมสู้ไปกับคนรัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่อีกฝ่ายพร้อมจับมือเดินไปกับเขา แบบ ... เอาใจช่วยจริง ๆ คุณฉิวฮึบ ๆ น้องรออยู่นะคะ

 

                ในป่ามีกระต่ายตัวหนึ่งป่วยเป็นโรคประหลาด มันมีนิสัยแปลกประหลาดชอบใช้ชีวิตคนเดียว อยู่มาวันหนึ่งมีนกน้อยบาดเจ็บตัวหนึ่งบุกเข้ารังของมัน และอยู่ในนั้นไม่ยอมจากไป

            กระต่ายตัวนั้นโหดร้ายกับนกน้อยมาก ทว่ามันกลับช่วยทำแผลให้นกน้อยอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แล้วทั้งสองก็อยู่ด้วยกันงง ๆ พึ่งพาอาศัยกันจนผ่านฤดูหนาวหนึ่งไปได้ และพวกมันก็ค่อย ๆ ชอบอีกฝ่าย แต่เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิเจ้ากระต่ายกลับใจร้ายคิดอยากจะไล่นกน้อยไปเพราะกังวลในอาการป่วยของตัวเอง

            หลังจากผ่านอุปสรรคมาได้ เจ้ากระต่ายปลดล็อกปมในใจ ตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือกับนกน้อยอย่างมีความสุข นกน้อยหาอาหารมาให้เจ้ากระต่ายที่ป่วยหนักทุกวัน จากนั้นปฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เจ้ากระต่ายค่อย ๆ หายดี และทั้งสองก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข

***จบเล่ม 2***


ยาวมากกกก ใครหลงมาถึงตรงนี้ พูดคุยฉากที่ชอบกันได้นะคะ


ชาแดง







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีวิว แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ( 3 เล่มจบค่ะะ)

  แต่งงานสามครั้งกับปลาเค็ม เล่ม 1 ผู้แต่ง ปี่ข่าปี่ ผู้แปล จื่อซิน ผู้วาด 梨乖 酥 สำนักพิมพ์ Inltreebook เรื่องย่อ หลินชิงอวี่ แต...